กลุ่ม JMART ยังไร้แวว ‘กู้ศรัทธา’ นักลงทุน ราคาส่อร่วงต่อ หากหลุด set50
เจ้าของถูกบังคับขายหุ้น หนึ่งในเหตุผลทำมนต์ขลัง “กลุ่มเจมาร์ท” จืดจาง ยังไม่สามารถเรียกศรัทธากลับคืน ! เดิมเคยเป็นจุดรวมพลรายใหญ่-ย่อย แวะเวียนเก็งกำไร “คึกคัก” มาวันนี้สารพัดปัจจัยลบกดดันให้ “หุ้นร่วง” โบรกฯส่งสัญญาณเสี่ยงสูงที่ JMART-JMT หลุด SET50
Key Points
- เมื่อ “อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา” ถูกบังคับขายหุ้น โดยมีนักลงทุนสถาบันรับซื้อ ในราคาขายต่ำกว่าในกระดาน ณ เวลานั้น
- ทำให้ “หุ้นกลุ่มเจมาร์ท” ปรับตัวลงต่อเนื่อง โดยหุ้น JMART ทรุดกว่า 35% หลังนักลงทุนกังวล
- มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดทรุด “นักวิเคราะห์” ชี้เสี่ยงสูงหลุด SET50 ทั้ง JMART-JMT
- ขณะที่พื้นฐานธุรกิจผลการดำเนินงานอาจถูกกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง
นับตั้งแต่ บริษัท เจ มาร์ท (JMART) หรือภายใต้ชื่อใหม่ว่า “เจ มาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์” สร้างความแปลกใจให้เหล่านักลงทุนรายใหญ่-รายย่อยไม่น้อย หลังมีข่าวว่า “อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา” ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อาณาจักรเจมาร์ท จะโดน Margin Call หรือถูกเรียกหลักประกันบัญชี Margin ซึ่งถ้าเอาหลักประกัน หรือในที่นี้ก็คือเงินมาเติมไม่ได้ ก็จะถูกบังคับขายหุ้น (Force Sell) ในที่สุด
หลังมีกระแสข่าวดังกล่าวออกมา คนที่อยู่ในแวดวงก็อยากจะเชื่อว่า “ซีอีโอ” ของอาณาจักรแสนล้านบาท ที่มีบริษัทในเครือมีธุรกิจที่หลากหลาย หากดูจากบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) คือ บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) , บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) , บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท (J) และ บริษัท เอสจี แคปปิตอล (SGC)
จะกู้ยืมเงิน “โบรกเกอร์” มาเทรดหุ้นของตัวเองแล้วโดน Margin Call และยิ่งเพิ่มความวิตกกังวล และลดศรัทธาของนักลงทุนลงไปอีก คือ การยื่นลาออกของผู้บริหารระดับสูงของบริษัทในเครือในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน สร้างความแปลกใจขึ้นไปอีก
หลังจากเมื่อ 17 ก.พ. 66 เจมาร์ทรายงานผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) รายการกระดานรายใหญ่ (Big Lot Board) ของกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ ที่ราคาขาย 26.50 บาท ช่วงวันที่ 15-16 ก.พ.66 จำนวนรวม 54 ล้านหุ้น
โดยเป็นการขายในส่วนของกลุ่มผู้ถือหุ้นให้กับนักลงทุนสถาบัน จาก “อดิศักดิ์” ขายหุ้น 14 ล้านหุ้น คิดเป็น 0.96% และ “ยุวดี พงษ์อัชฌา” ขายหุ้น 40 ล้านหุ้น คิดเป็น 2.75% ถือเป็นการขายหุ้นที่ต่ำกว่ากระดานของวันทำรายการในวันที่ 16 ก.พ. 66 ซึ่งหุ้น JMART ปิดที่ราคา 29.50 บาท
ต่อมาแม้ว่า “อดิศักดิ์” จะชี้แจงว่า การขายหุ้นของกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ (อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา และยุวดี พงษ์อัชฌา) จำนวน 54 ล้านหุ้น เป็นการขายให้กับนักลงทุนสถาบันทั้งหมด และไม่มีผลกระทบต่อการบริหารงานหรือโครงสร้างการจัดการของบริษัท
ทว่า กลับไม่สามารถเรียกศรัทธาคืนจากนักลงทุนได้ !! สะท้อนจากราคาหุ้น JMART ที่ยังคงทิ่มหัวลงอย่างต่อเนื่อง จากความกังวลว่านักลงทุนสถานบัน หรือกองทุนที่รับซื้อหุ้น อาจจะนำหุ้นออกมาขายได้ตลอดเวลา ! โดยหากคิดจากราคาเมื่อวันที่ 16 ก.พ. 66 ที่ราคาหุ้นอยู่ที่ 29.50 บาท และปัจจุบัน (21 เม.ย.66) อยู่ที่ 19.10 บาท ร่วงกว่า 35.25%
ขณะที่ มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 27,985.22 ล้านบาท (21 เม.ย.66) จากเดือนม.ค.66 อยู่ที่ 54,285.15 ล้านบาท และเดือนก.พ. 66 อยู่ที่ระดับ 41,169.28 ล้านบาท
นอกจากนี้ “กำไรสุทธิ” ของ JMART และบริษัทในเครืองวดล่าสุด (ไตรมาส 4 ปี 2565 และทั้งปี 2565) ที่ออกมาต่ำกว่าคาดก็เป็นอีกแรงกดดันเช่นกัน
สำหรับหุ้นในเครือตัวอื่นๆ ยังได้รับผลกระทบทางอ้อมไปด้วย อย่าง หุ้น JMT มาร์เก็ตแคปปี 2565 อยู่ที่ 100,681.27 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ที่ 56,194.20 ล้านบาท หุ้น SINGER มาเก็ตแคปปี 65 อยู่ที่ 23,640.16 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ที่ 12,934.01 ล้านบาท หุ้น J มาเก็ตแคปปี 65 อยู่ที่ 4,379.09 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ที่ 3,672.05 ล้านบาท
สอดคล้องกับหลากหลายบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ที่มีมุมมองต่อหุ้นใน “กลุ่มเจมาร์ท” ว่ามีหลาย “ปัจจัยกดดัน” ที่มีผลกระทบต่อราคาหุ้น !
บล.ทิสโก้ กล่าวว่า กรณีที่ราคาหุ้น JMART ยังมีแนวโน้มไม่ฟื้นตัวมีมุมมอง “3 ประเด็น” ที่น่าสนใจ คือ 1.นักลงทุนอาจจะกังวลว่าหุ้น JMART เสี่ยงหลุด SET50 หลังพบว่ามูลค่ามาร์เก็ตแคปปรับตัวลงต่อเนื่อง ซึ่งการที่มาร์เก็ตแคปลดลงส่วนหนึ่งมาจากช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับตัวลงมาอย่างมาก
2 หุ้น JMART ยังติดอันดับที่นักลงทุนใช้บัญชีมาร์จินในการซื้อขายหุ้น ซึ่งมีความเสี่ยงหากราคาหุ้นยังปรับตัวลงต่อเนื่องอาจถูกบังคับขาย (Force Sell)ได้
3.นักวิเคราะห์ยังปรับลดประมาณการณ์กำไรลงมาอย่างต่อเนื่อง สะท้อนความกังวลต่อผลการดำเนินงานที่อาจถูกกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง
“กรภัทร วรเชษฐ์” ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ราคาหุ้นกลุ่มเจมาร์ทปรับตัวลงมาค่อนข้างแรง ยังไม่เห็นปัจจัยอะไรเข้ามากระทบมาก แต่คาดว่าน่าจะมาจากความกังวลของนักลงทุนที่มองว่าหุ้น JMART มีโอกาสเสี่ยงสูงที่อาจจะหลุด SET50 ได้ หลังพบว่ามาร์เก็ตแคปปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า ราคาหุ้นกลุ่มเจมาร์ทปรับตัวลงแรงทั้งกลุ่มมองว่าราคาหุ้น JMART ปรับตัวลงมาอย่างมาก นับตั้งแต่ผู้บริหาร คือ อดิศักดิ์ได้มีประเด็นเรื่องการขายหุ้นจำนวน 14 ล้านหุ้น คิดเป็น 0.96%
เนื่องจากถูกเรียกวางหลักประกันเพิ่ม หรือ Margin Call ซึ่งปัจจุบันราคาหุ้นยังไม่ฟื้นกลับมา ซึ่งไม่ใช่แค่หุ้น JMARTแต่หุ้นทั้งกลุ่มยังไม่ฟื้นกลับมาแทบทุกตัว ส่วนผลดำเนินงานฝ่ายวิจัยฯ ไม่ได้มีการทำบทวิเคราะห์หุ้นกลุ่มดังกล่าว
บล.กรุงศรี พัฒนสิน ระบุว่า ทีมวิเคราะห์ KCS ได้คำนวณหุ้นเข้าออกดัชนี SET50 ในรอบครึ่งหลังปี 66 โดยใช้ข้อมูลจนถึงวันที่ 17 เม.ย. ซึ่งจะเหลือระยะเวลาอีก 1 เดือนครึ่งก่อนที่ข้อมูลจะครบสมบูรณ์เบื้องต้นเราคาด SET50 หุ้นเข้า TLI, WHA (โอกาส 60%) SET50 หุ้นออก JMART , TIDLOR (โอกาส 40%)โดย หุ้น JMT เสี่ยงหลุด SET50 หากราคายังอ่อนตัวอยู่ที่ระดับนี้จนถึงสิ้นเดือนพ.ค. 66
ขณะที่ ปัจจัยพื้นฐานได้ประเมินผลการดำเนินงาน JMART มีแนวโน้มชะลอตัวลงกว่าคาด โดยปรับประมาณการกำไรปี 66-67 ลง 20.7% และ 20.4% มาอยู่ที่ 2 พันล้านบาท และ 2.5 พันล้านบาท ตามลำดับ จากการปรับประมาณการกำไร JMT และ SINGER ลงก่อนหน้าเฉลี่ย -26% และ -27% ตามลำดับ
ทั้งนี้ได้รวมส่วนแบ่งกำไรของ BNN เข้ามาในประมาณการ (คาดราว 200 ล้านบาท จากการถือหุ้น 30%) ชดเชยบางส่วนโดยภาพรวมมองการเติบโตเฉลี่ย +27% ในอีก 3 ปีข้างหน้า ยังคง conservative กว่าเป้าบริษัทที่ 50% อย่างไรก็ตามยังมี Upside จากการลงทุนใน PRTR, BKD และดีลอื่นๆในปีนี้
อย่างไรก็ตาม ก็ต้องมาติดตามกันว่าราคาหุ้น JMART จะพอดีดตัวกลับได้หรือไม่ และนักวิเคราะห์ในตลาดจะปรับคำแนะนำกันอย่างไรบ้าง !