‘หุ้นไทย’ ร่วง 2.11 จุด ‘วอลุ่ม’ เบาบาง เหตุนักลงทุนลดความเสี่ยงใกล้หยุดยาว
“ตลาดหุ้นไทย” ปิดตลาดอยู่ที่ 1,529.12 จุด ลดลง 2.11 จุด หรือ 0.14% “บลจ. เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์” ชี้ หุ้นไทยได้รับอานิสงส์จนเคลื่อนไหวในแดนบวกตอนเช้าจาก DELTA แตกพาร์ แต่ช่วงบ่ายปิดตัวแดนลบเพราะไร้ปัจจัยกระตุ้นเพิ่มเติม รวมทั้งช่วงนี้มูลค่าการซื้อขายวูบ เหตุใกล้หยุดยาว
ความเคลื่อนไหวดัชนีตลาด “หุ้นไทย” วันนี้ผันผวนในทิศทางปรับตัวลดลงเกือบทั้งวัน ซึ่งดัชนีตลาดหุ้นไทยทำต่ำสุดอยู่ที่ 1,524.30 จุด ก่อนมาปิดตลาดที่ 1,529.12 จุด ลดลง 2.11 จุด หรือ 0.14% มูลค่าซื้อขาย 45,040.57 ล้านบาท
หุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 ลำดับแรก ได้แก่
1. DELTA มูลค่า 2,755.73 ล้านบาท ราคาหุ้นปิดที่ 72.75 บาท ลดลง 2.05 บาท หรือ 2.74%
2. PTTEP มูลค่า 1,882.08 ล้านบาท ราคาหุ้นปิดที่ 148.00 บาท ลดลง 3.50 บาท หรือ 2.31%
3. KBANK มูลค่า 1,512.03 ล้านบาท ราคาหุ้นปิดที่ 125.00 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ 1.19%
4. CPALL มูลค่า 1,372.45 ล้านบาท ราคาหุ้นปิดที่ 64.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ 0.39%
5. SCB มูลค่า 1,331.21 ล้านบาท ราคาหุ้นปิดที่ 103.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลงจากราคาปิดก่อนหน้า
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ กล่าวว่า วันนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกตอนเช้าเพราะได้อานิสงส์หุ้นบริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA แตกพาร์ แต่ถ้าวันนี้ไม่ได้อานิสงส์ดังกล่าวหุ้นไทยแกว่งทรงตัว เพราะมูลค่าการซื้อขายน้อยจากใกล้ถึงช่วงหยุดยาว
ทั้งนี้ ต้นสัปดาห์หน้าดัชนีฯ อาจปรับตัวดีขึ้นเพราะเป็นช่วงของการประกาศงบไตรมาส 1 อย่างร้อนแรง ดังนั้นประเมินแนวรับอยู่ที่ 1,520 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,550 จุด โดยแนะนำลงทุนในหุ้นที่คาดว่าจะกำไรสดใสคือ ADVANC CPALL และ MTC