JTS เผยไตรมาส 1/66 ขาดทุนสุทธิ 1.73 ล้าน เหตุรายได้เหมืองขุดบิตคอยน์ลด
JTS เผยไตรมาส 1 ปี 66 ขาดทุนสุทธิ 1.73 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 96.19 ล้านบาท หลังรายได้จากธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยน์ลด-ต้นทุนขายและบริการเพิ่ม แย้มปีนี้กำลังศึกษาและวางกลยุทธ์ BTC Ecosystem Roadmap เพื่อเป็นการต่อยอดธุรกิจที่เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล
บริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ JTS แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า บริษัทมีผลดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2566 ขาดทุนสุทธิ 1.73 ล้านบาท ลดลง 101.64% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 96.19 ล้านบาท และขาดทุนลดลง 239.45 ล้านบาท ลดลง 99.34% เทียบกับไตรมาสที่ 4 ปี 2565 มีรายละเอียดดังนี้
โดยมีรายได้รวมบริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้รวมจากการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 2566 จำนวน 575.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64.69 ล้านบาท คิดเป็น 12.66% เทียบไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และลดลง 0.52 ล้านบาท คิดเป็น 0.09% เทียบกับไตรมาสที่ 4 ปี 2565 โดยรายได้รวมดังกล่าวประกอบด้วย
- รายได้จากธุรกิจออกแบบ และวางระบบสื่อสารและโทรคมนาคม จำนวน 59.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น33.69 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 130.13 โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากรายได้การขายอุปกรณ์ Solar Roof จำนวน 46.36 ล้านบาท แต่รายได้ที่ลดลงเกิดจากรายได้จากการขายอุปกรณ์ การให้บริการเครือข่ายคอมพิวเตอร์และสื่อสัญญาณแบบไร้สายแบบครบวงจรสำหรับสถานีบริการน้ำมันจำนวน 5.90 ล้านบาท การขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และอื่นๆ จำนวน 4.85 ล้านบาท งานบริการบำรุงรักษา และอื่นๆ 1.27 ล้านบาท และงานออกแบบระบบวางท่อใต้ดินเพื่อรองรับสายสื่อสารสำหรับสถานีศูนย์ข้อมูล (Data Center) มูลค่า 0.65 ล้านบาท
- รายได้ธุรกิจให้บริการโครงข่ายโทรคมนาคม จำนวน 494.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50.04 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 11.26 โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากการให้บริการวงจรเช่าในประเทศ จำนวน 11.30 ล้านบาท ค่าบริการวงจรเช่าส่วนบุคคลระหว่างประเทศ จำนวน 35.49 ล้านบาท และค่าบริการอื่น จำนวน 3.25 ล้านบาท
- รายได้จากธุรกิจจัดหา ออกแบบและวางระบบคอมพิวเตอร์ จำนวน 19.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.40ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 39.22 โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากงานโครงการของกรุงเทพมหานครเกี่ยวกับงานปรับปรุงระบบงานงบประมาณในระบบ MIS และระบบงานการเงินรับและการเงินจ่าย
- รายได้จากธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยน์ จำนวน 1.65 ล้านบาท ลดลง 23.58 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 93.46 โดยในไตรมาสที่ 1 ปี 2566 มีเหรียญบิตคอยน์เพิ่มขึ้น 1.94675352 เหรียญ จำนวนเหรียญบิตคอยน์สะสมทั้งสิ้น 181.27231886 เหรียญ
- รายได้อื่น จำนวน 1.00 ล้านบาท ลดลง 0.02 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1.96 ต้นทุนขายและค่าใช้จ่าย ต้นทุนขายและบริการ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริการ ค่าใช้จ่ายในการบริหาร และขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ในไตรมาสที่ 1 ปี 2566 จำนวน 547.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 168.48 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ44.40 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 328.84 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 37.50 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 4 ปี 2565 โดยต้นทุนขายและค่าใช้จ่าย ประกอบด้วย
- ต้นทุนขายและบริการ จำนวน 398.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 93.45 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 30.62 เนื่องจากต้นทุนขายและบริการที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจออกแบบและวางระบบสื่อสารและโทรคมนาคม จำนวน 31.98 ล้านบาท ธุรกิจให้บริการโครงข่ายโทรคมนาคม จำนวน 58.72 ล้านบาท และธุรกิจจัดหาออกแบบและวางระบบคอมพิวเตอร์ จำนวน 2.75 ล้านบาท
- ต้นทุนเหมืองขุดบิตคอยน์ จำนวน 163.37 ล้านบาท ประกอบด้วย ต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการขุดบิตคอยน์ จำนวน 95.85 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 58.67 และขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจากการด้อยค่าของอาคารและอุปกรณ์ที่ใช้ในการดำเนินการธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยน์ จำนวน 67.52 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 41.33
- ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร จำนวน 42.52 ล้านบาท ลดลง 2.04 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 4.58 เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นประกอบด้วยค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน จำนวน 6.23 ล้านบาท และค่าเช่าและค่าบริการสำนักงาน จำนวน 0.73 ล้านบาท แต่มีค่าใช้จ่ายที่ลดลงซึ่งประกอบด้วยค่าที่ปรึกษาการเงิน จำนวน 2.05 ล้านบาท ค่าธรรมเนียมเงินกู้จำนวน 3.71 ล้านบาท และการปรับลดผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นของลูกหนี้จำนวน 4.79 ล้านบาท ตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 9 เครื่องมือทางการเงิน ทำให้ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญลดลง
- การกลับรายการขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจากการวัดมูลค่าสินทรัพย์สกุลเงินดิจิทัลที่ได้รับจากการขุดซึ่งได้บันทึกเป็นค่าเผื่อการด้อยค่าของสินทรัพย์สกุลเงินดิจิทัล จำนวน 57.54 ล้านบาท เนื่องจากราคาเหรียญบิตคอยน์ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2566 มีราคาปิดด้วยมูลค่า USD 28,478.48 ตามมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 38 เรื่อง สินทรัพย์ไม่มีตัวตน
- ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน จำนวน 0.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 100.00
บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) สำหรับไตรมาสที่ 1 ปี2566 จำนวน 132.79 ล้านบาท ลดลง 55.22 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 29.37 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนจากกราฟข้างต้นในไตรมาสที่ 4 ปี 2565 และไตรมาสที่ 1 ปี 2566 กรณีไม่รวมขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจากการด้อยค่าของอาคารและอุปกรณ์ที่ใช้ในการดำเนินการธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยน์ บริษัทฯ จะมีกำไรสุทธิจำนวน 51.65 ล้านบาท และ 65.94 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งเพิ่มขึ้นจำนวน 14.29 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 27.67
ขณะที่ เป้าหมายและแผนธุรกิจในปี 2566 บริษัท จัสเทล เน็ทเวิร์ค จำกัด (JasTel) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ที่บริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 100 ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโครงข่ายโทรคมนาคม และอินเทอร์เน็ตทั้งในและต่างประเทศ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2566 ได้บรรลุข้อตกลง (MOU) ลงนามความร่วมมือกับบริษัท เทเลเฮ้าส์ (ประเทศไทย) จํากัด (Telehouse) หนึ่งในผู้นำด้านการให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ระดับโลก เพื่อสร้างระบบนิเวศด้านการเชื่อมต่อระหว่างกันที่ดีที่สุด และช่วยส่งเสริมการขยายตลาดในภูมิภาค
สำหรับธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยน์ เนื่องจากราคาเหรียญบิตคอยน์ที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มในทิศทางที่ดี ทางบริษัทฯ ได้กลับมาดำเนินการขุดบิตคอยน์อีกครั้งหนึ่ง ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ด้วยการบริหารจัดการต้นทุนค่าไฟฟ้าให้เหมาะสม มีการเปิดเครื่องขุดบิตคอยน์ในช่วงความต้องการไฟฟ้าตํ่า (OffPeak) รวมถึงอยู่ระหว่างการวางแผนการติดตั้ง Solar Farm มีกำลังการผลิตที่ประมาณ 4 Megawatt ซึ่งคาดว่าจะเริ่มจ่ายกระแสไฟฟ้าได้ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้
นอกจากนี้ในปี 2566 ทางบริษัทฯ อยู่ระหว่างการศึกษาและวางกลยุทธ์ BTC Ecosystem Roadmap ได้แก่ BTC Trading และ BTC Lightning Network เพื่อเป็นการต่อยอดธุรกิจที่เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล