หุ้นกลุ่ม JMART ดิ่งยกแผง เซ่นพิษผลประกอบการไตรมาส 1/66 พลิกขาดทุนหนัก
ราคาหุ้น JMART-SINGER-SGC กอดคอร่วง หลังงบไตรมาส 1/66 พลิกขาดทุนหนัก โบรกเกอร์ มอง JMART งบไตรมาส 2/66 ยังลดจากไตรมาส 2/65 และงบ SINGER ไตรมาส 2/66 ยังขาดทุนต่อเนื่อง เหตุ NPL กดดันจากการตั้งสำรองสูง แนะ “หลีกเลี่ยงการลงทุน”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (15 พ.ค.) ล่าสุด เวลา 15.19 น. ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮล ดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JMART ลดลงถึง 13.79% หรือลดลง 2.80 บาท มาอยู่ที่ 17.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,123.96 ล้านบาท
ราคาหุ้น บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ SGC ลดลง 18.66% หรือลดลง 0.50 บาท มาอยู่ที่ 2.18 บาท มูลค่าการซื้อขาย 91.08 ล้านบาท ราคาหุ้น บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER ลดลง 23.70% หรือลดลง 3.20 บาท มาอยู่ที่ 10.30 บาท มูลค่าการซื้อขาย 716.63 ล้านบาท
ราคาหุ้นในกลุ่ม JMART ลดลงอย่างหนัก หลังจากประกาศงบไตรมาส 1/2566 ออกมาไม่ดี เริ่มจาก บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JMART แจ้งผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2566 บริษัทพลิกขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 294.7 ล้านบาท ลดลง 190.6% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 325.1 ล้านบาท
โดยมีสาเหตุหลักจากผลกระทบของการรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจาก SINGER ตามสัดส่วนที่ 25.2% มูลค่า 218 ล้านบาท และผลจากการขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง (Unrealized Loss) จากเงินลงทุนในตราสารทุน มูลค่า 352 ล้านบาท (หลังหักภาษี) โดยหากไม่รวมผลจากการขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง (หลังหักภาษี) บริษัทจะมีกำไรสุทธิ 57 ล้านบาท
นอกจากนี้ รายได้รวมในไตรมาส 1/2566 อยู่ที่ 3,377.4 ล้านบาท ลดลง 3.8% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 3,512.5 ล้านบาท โดยมีผลจากการลดลงของรายได้ในส่วนของธุรกิจจัดจำหน่ายมือถือ
บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER แจ้งผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2566 บริษัทพลิกขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 843 ล้านบาท ลดลง 492.1% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 215 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากการขายลดลง 492 ล้านบาท หรือคิดเป็น 70.8% จากการขายเครื่องใช้ไฟฟ้าบางกลุ่มที่ลดลงจากปีก่อน และเนื่องจากบริษัทย่อยมีการเปลี่ยนนโยบายในการปล่อยสินเชื่อให้มีความเข้มงวดมากขึ้นเพื่อควบคุมคุณภาพหนี้ และจำนวนพนักงานขายแฟรนไชส์ลดลง
ประกอบกับผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นของกลุ่มบริษัทเพิ่มขึ้น 898 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1,663% โดยมีสาเหตุหลักมาจากลูกหนี้ที่เข้าโครงการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เริ่มทยอยสิ้นสุดการได้รับความช่วยเหลือ
ด้านบริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ SGC แจ้งผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2566 บริษัทพลิกขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 368 ล้านบาท ลดลง 336% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 156 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักจากผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น 781 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 741 ล้านบาท หรือ 1,852% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน หลักๆ มาจากลูกหนี้ที่เข้าโครงการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เริ่มทยอยสิ้นสุดการได้รับความช่วยเหลือ
บล.กรุงศรี พัฒนสิน ระบุว่า มองประมาณการมี Downside risk 30-40% จากไตรมาส 1/2566 ที่ขาดทุน สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2566 คาดว่ายังลดจากไตรมาส 2/2565 บนมุมมอง SINGER แม้ผ่านจุดต่ำสุด แต่คาดยังมีการตั้งสำรองสูง สำหรับการถือหุ้นใน SGC, BRR ที่ต้อง Mark to market ตามราคาปิดสิ้นงวด โดย Qtd ยังขาดทุนราว 30 ล้านบาท โดยปัจจุบันยังอยู่ระหว่างปรับประมาณการของ JMART
สำหรับ SINGER โดยรวมประมาณการยังมี Downside risk สูง ปีนี้คาดว่าจะพลิกมาขาดทุน มองว่ายังอยู่ในช่วงปรับโครงสร้าง, กระบวนการภายใน เพื่อควบคุมคุณภาพลูกหนี้อย่างเข้มข้น โดยประเด็นด้าน Inventory คาดว่าผ่อนคลายไปมาก หลังตั้งสำรองก้อนใหญ่ และงวดไตรมาส 1/2566 ไม่มียึดสินค้าเพิ่ม
ขณะที่ประเด็นด้าน NPL มองว่าแนวโน้มการตั้งสำรอง แม้จะผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว แต่ยังเป็นระดับที่สูงกว่าปกติต่อเนื่องในไตรมาส 2/2566 และกดดันผลประกอบการต่อ เบื้องต้นไตรมาส 2/2566 คาดว่ายังอาจขาดทุน ยังแนะนำ “หลีกเลี่ยงการลงทุน”
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์
