'หุ้นไทย' วันนี้ (16 พ.ค.) ปิดตลาดลบ 1.54 จุด อาฟเตอร์ช็อก ก้าวไกล ชนะเลือกตั้ง
“ตลาดหุ้นไทย” ปิดตลาดวันนี้ (16 พ.ค. 66) อยู่ที่ 1,539.84 จุด ลดลง 1.54 จุด หรือ 0.10% “บล.ลิเบอเรเตอร์” ชี้ ดัชนีฯ แกว่งตัวกรอบแคบ จากตลาดกังวลเรื่องนโยบาย “ก้าวไกล” กระทบกำไรบางบริษัท แนะหลีกเลี่ยงหุ้นที่อิงนโยบายการเมือง คาดพรุ่งนี้อาจบวก แนวรับ 1,530 จุด แนวต้าน 1,550 จุด
ความเคลื่อนไหวดัชนีตลาด “หุ้นไทย” วันนี้ผันผวนในทิศทางปรับตัวลดลงเกือบทั้งวัน ซึ่งดัชนีตลาดหุ้นไทยทำต่ำสุดอยู่ที่ 1,536.36 จุด ก่อนมาปิดตลาดที่ 1,539.84 จุด ลดลง 1.54 จุด หรือ 0.10% มูลค่าซื้อขาย 53,185.44 ล้านบาท
หุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 ลำดับแรก ได้แก่
1. GULF มูลค่า 3,138.48 ล้านบาท ราคาหุ้นปิดที่ 47.75 บาท ลดลง 0.25 บาท หรือ 0.52%
2. CPALL มูลค่า 2,362.09 ล้านบาท ราคาหุ้นปิดที่ 64.75 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลงจากราคาปิดก่อนหน้า
3. AOT มูลค่า 2,328.87 ล้านบาท ราคาหุ้นปิดที่ 72.00 บาท ลดลง 1.25 บาท หรือ 1.71%
4. SCB มูลค่า 1,677.61 ล้านบาท ราคาหุ้นปิดที่ 104.50 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ 1.42%
5. KBANK มูลค่า 1,642.23 ล้านบาท ราคาหุ้นปิดที่ 135.50 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ 1.09%
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ลิเบอเรเตอร์ จำกัด กล่าวว่า วันนี้ดัชนีฯ แกว่งในกรอบแคบ เนื่องจากเมื่อวาน (15 พ.ค.) ปรับตัวลงอย่างร้อนแรง เพราะนักลงทุนกังวลว่านโยบายของพรรคก้าวไกลจะเข้าไปกระทบกับผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทในกลุ่มพลังงาน ดังนั้นวันนี้จึงมีจังวะที่ตลาดพักตัวบ้าง
“ต้องรอให้เห็นภาพหน้าตารัฐบาลอย่างชัดเจนก่อน และต้องนั่งมอนิเตอร์ตลาดหุ้นทีละขั้น ควบคู่ไปกับสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศไทย”
สำหรับวันพรุ่งนี้ (16 พ.ค.) ดัชนีฯ มีแนวโน้มปรับตัวเป็นบวกได้เพราะช่วง 1-2 วันนี้ดิ่งลงใกล้แตะแนวรับสำคัญแล้ว ดังนั้นประเมินแนวรับใหม่อยู่ที่ 1,530 จุด ส่วนแนวต้าน 1,550 จุด ด้วยปัจจัยชุดเดิมจากการเลือกตั้ง
“มีโอกาสที่จะได้เห็นดัชนี ปรับตัวขึ้น เพราะจริงๆ ปัจจัยข้างเคียงอย่างผลประกอบการไตรมาส 1 ของบริษัทจดทะเบียน และตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ต่างก็ออกมาสดใส ช่วงนี้เป็นเพียง Sentiment เชิงลบจากนโยบายของพรรคการเมืองเท่านั้น”
ทั้งนี้ สำหรับการลงทุนวันพรุ่งนี้ ควรหลีกเลี่ยงหน้าหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายของพรรคการเมือง โดยเฉพาะหน้าหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า-พลังงาน แนะนำเก็บหุ้นบริษัทที่คาดว่ากำไรไตรมาส 2 จะสดใส โดยกลุ่มแบงก์แนะนำ KTB ส่วนกลุ่มการบริโภคแนะนำ ICHI นอกจากนี้ในสถานการณ์ปัจจุบัน นักลงทุนควรเก็บเงินสดไว้ 60%
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์