EA ลั่นครึ่งหลังปี 66 ธุรกิจเติบโต ลุยขยายโรงงานแบตอีวี

จากสารพัดปัจจัยเสี่ยงทั้งในและต่างประเทศ ยังเป็นแรงกดดันการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังปี 2566 อาจจะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจได้ 

นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยว่า แนวโน้มการดำเนินธุรกิจของบริษัทในช่วงครึ่งหลังของปีนี้เชื่อว่ายังเติบโตอย่างต่อเนื่องตามแผนที่วางไว้ โดยคงเป้ารายได้เติบโตมากกว่า 50% จากไตรมาส 1 ปี 2566 ที่มีรายได้โตกว่า 80% ซึ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้นจะมาจากปัจจัยอีโคซิสเต็มส์ ในธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) เติบโตแรงทั้งธุรกิจรถโดยสารไฟฟ้า รถเพื่อการพาณิชย์ ธุรกิจผลิตแบตเตอรี่ และสถานีชาร์จ รวมถึงธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจอีวีในช่วงครึ่งปีหลังยังคงมองหาพันธมิตรเข้าลงทุนในธุรกิจผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณอีวี จากปัจจุบันที่มีพันธมิตรในส่วนของ Battery Management System แล้ว ซึ่งจะทำให้สามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดได้อีกมาก โดยเงินลงทุนปีนี้วางไว้ที่ 11,000 ล้านบาท มุ่งขยายโรงงานแบตเตอร์รี่เป็นหลัก ซึ่งตั้งเป้าขยายกำลังผลิตเป็น 4 เมกะวัตต์ต่อปี ในไตรมาส 1 ปี 2567 คาดสิ้นปีนี้จะขยายกำลังผลิตเป็น 2 กิกะวัตต์ต่อปี จากปัจจุบันกำลังผลิตใกล้เต็มที่ 1 กิกะวัตต์ต่อปีแล้ว 

ส่วนเหตุการณ์รถโดยสารไฟฟ้าเกิดไฟไหม้ จากการตรวจสอบรถโดยสารไฟฟ้าที่เกิดเหตุดังกล่าวเนื่องจากเป็นการถอยรถเข้าโรงซ่อมและเกิดชนหลังคาอาคารจนแบตเตอรี่ลุกไหม้ ซึ่งเป็นแบตฯ และชิ้นส่วนฯ รถเป็นของบริษัทอื่นที่นำมาติดตั้งกับโรงงานของบริษัท

ทั้งนี้ การที่รถอีวีเกิดไฟไหม้ยังไม่มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นต่อแผนนำส่งมอบรถอีวีในปีนี้ ซึ่งประเด็นดังกล่าวบริษัทได้มีการสื่อสารทำความเข้าใจกับสังคมมาโดยตลอด เพราะรถอีวียังเป็นช่วงแรกที่ต้องสร้างการเรียนรู้ร่วมกัน หากมองไปข้างหน้าความต้องการซื้อรถอีวียังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 

สำหรับเป้าหมายการส่งมอบรถอีบีบัสปีนี้คาดจะส่งมอบได้มากกว่า 3,000 คัน หรือใกล้เคียง 4,000 คัน จากปัจจุบันมีกำลังผลิตรถอีวีประเภทต่างๆ รวม 9,000 คันต่อปี ขณะที่รถเมล์อีวีเริ่มใช้ในกทม. แล้ว คาดจะเริ่มตลาดต่างจังหวัดในอนาคตเช่นกัน

ล่าสุดในงานสัมมนา “SET Sustainability Forum 2/2566 : จากเป้าหมายความยั่งยืน...สู่การปฏิบัติ” ย้อนหลังผ่านช่องทางออนไลน์ Facebook & YouTube : SET Thailand  โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) 

นายสมโภชน์ ได้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ในฐานะผู้นำองค์กรที่ต้องบริหารจัดการธุรกิจภายใต้การเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงและรวดเร็ว กล่าวว่า ธุรกิจกับความยั่งยืนนั้นสามารถขับเคลื่อนไปบนถนนสายเดียวกันได้ เราจะทำธุรกิจอย่างไรที่จะ "ช่วยโลก" ด้วย "ทำเงิน" ด้วย นั่นคือ โจทย์ที่ผู้นำองค์กรต้องคิด และบริหารจัดการเพื่อสร้างความแตกต่างและเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน  รวมถึงการขับเคลื่อนนโยบายและกลยุทธ์ที่ทำให้ทุกคนในองค์กรมองเห็นเป้าหมายเดียวกันและไปด้วยกัน และเราจะเป็นธุรกิจที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน      

ปัจจุบันเรื่องสิ่งแวดล้อมโดนกดดันจากภายในและภายนอก โดยบริษัททำธุรกิจทางด้านพลังงานสะอาดเป็นคำตอบในการเข้ามาแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและเป็นโอกาสที่ทำให้บริษัทเติบโตยั่งยืนในระยะยาว