แกะรอย 2 เซียนหุ้น ‘ดร.ไพบูลย์-พีรนาถ’ ตระกูล J พ่นพิษ เงินหาย 2.1 พันล้านบาท

เกิดอะไรขึ้นกับหุ้นกลุ่มตระกูล JMART ของ “อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา” ที่ราคาทั้ง 5 หลักทรัพย์ JMART SINGER SGC JMT และ J ตั้งแต่ต้นปี 66 ลดลงฮวบฮาบอย่างหนักเกินกว่า 50% หรือถ้าคิดเป็นมูลค่าแล้วหล่นหายไปตั้งแต่ต้นปีร่วมแสนล้านบาท ขณะเดียวกันนักลงทุนรายใหญ่ที่เคยเข้ามาลงทุนมากหน้าหลายตาต่างหายออกไปเช่นกัน

ล่าสุด “กรุงเทพธุรกิจ” ได้สำรวจ 5 หลักทรัพย์ กลุ่มตระกูล JMART พบว่า ยังมีนักลงทุนรายใหญ่ หรือเซียนหุ้นที่มีชื่อเสียง เหลือเพียง 2 คนเท่านั้น คือ ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา และ พีรนาถ โชควัฒนา ตั้งแต่ต้นปี 66 จนถึง ณ ปัจจุบัน เงินหายรวมกันกว่า 2,194.03 ล้านบาท

ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา นักลงทุนรุ่นเก๋าสาย VI  

ปัจจุบันพบว่า ถือหุ้น JMT ทั้งในนามของ ดร.ไพบูลย์เอง และในนามของลูกสาว โดย

• ดร.ไพบูลย์ ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 4 จำนวน 26,704,014 หุ้น หรือ 1.83% มูลค่า 907.93 ล้านบาท
• น.ส. พิชญ์สินี เสรีวิวัฒนา ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 7 จำนวน 16,125,569 หุ้น หรือ 1.10% มูลค่า 548.26 ล้านบาท

รวมมูลค่าทั้ง 2 คนเท่ากับ 1,456.20 ล้านบาท (ราคาปิด ณ วันที่ 28 มิ.ย.66 ที่ 34.00 บาท)

โดยช่วงต้นปี 66 ดร.ไพบูลย์ และลูกสาว ถือหุ้น JMT เท่าเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง จำนวน 26,704,014 หุ้น หรือ 1.83% คิดเป็นมูลค่า 1,802.52 ล้านบาท และลูกสาว น.ส. พิชญ์สินี จำนวน 16,125,569 หุ้น หรือ 1.10% มูลค่า 1,088.47 ล้านบาท รวมมูลค่าทั้ง 2 คนเท่ากับ 2,890.99 ล้านบาท (คิดตามราคาปิด ณ วันที่ 3 ม.ค.66 ที่ 67.50 บาท)

เท่ากับว่า หุ้น JMT ที่ ดร.ไพบูลย์ ลงทุนไปตั้งแต่ต้นปี 66 เงินหายไปกว่า 894.58 ล้านบาท หรือคิดเป็น 49.62% ขณะที่ลูกสาว ลงทุนไปตั้งแต่ต้นปี 66 เงินหายไปกว่า 540.20 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 49.62% รวมทั้ง 2 คนพ่อลูกเงินหายไปจากหุ้น JMT กว่า 1,434.79 ล้านบาท 

สำหรับหุ้น JMT ดร.ไพบูลย์ และลูกสาวเริ่มปรากฎรายชื่อเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ครั้งแรกเมื่อ 19 มิ.ย.58 โดยดร.ไพบูลย์ มีจำนวนขณะนั้น 2,400,000 หุ้น หรือ 0.65% ขณะที่ลูกสาวมีจำนวน 5,000,000 หุ้น หรือ 1.35% 

 

นอกจากนี้ยังพบว่า วราณี เสรีวิวัฒนา (ภรรยา) เคยปรากฎรายชื่อถือหุ้น JMT ครั้งแรกเมื่อวันที่ 6 มี.ค.56 จำนวน 4,076,700 หุ้น หรือ 1.36% และครั้งสุดท้ายที่ปรากฎรายชื่อคือ เมื่อวันที่ 20 เม.ย.60 จำนวน 8,018,825 หุ้น หรือ 2.16% ส่วนหุ้น JMART เคยปรากฎรายชื่อถือหุ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 ก.พ.55 จำนวน 5,250,700 หุ้น หรือ 1.75% และครั้งสุดท้ายที่ปรากฎรายชื่อคือ เมื่อวันที่ 21 เม.ย.59 จำนวน 4,300,000 หุ้น หรือ 0.82% และ หุ้น SINGER เคยปรากฎรายชื่อถือหุ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 เม.ย.54 จำนวน 5,000,000 หุ้น หรือ 1.85% และครั้งสุดท้ายที่ปรากฎรายชื่อคือ เมื่อวันที่ 21 มี.ค.57 จำนวน 5,000,000 หุ้น หรือ 1.85%

ปัจจุบันนอกจากหุ้นกลุ่ม JMART แล้ว ดร.ไพบูลย์ ภรรยา และลูกสาวยังถือหุ้นใหญ่  ASN CHAYO KLINIQ MANRIN MASTER THREL และ UAC

พีรนาถ โชควัฒนา หนึ่งในทายาทอาณาจักรเครือสหพัฒน์ระดับแสนล้าน และเป็นหนึ่งเซียนหุ้นแถวหน้าของเมืองไทย 

ปัจจุบันพบว่า เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ JMART ลำดับ 9 จำนวน 28,467,585 หุ้น หรือ 1.95% รวมมูลค่า 387,159,156 ล้านบาท (ราคาปิด ณ วันที่ 28 มิ.ย.66 ที่ 13.60 บาท) 

โดยช่วงต้นปี 66 พีรนาถ ถือหุ้น JMART จำนวน 27,960,985 หุ้น หรือ 1.92% คิดเป็นมูลค่า 1,146,400,385 ล้านบาท (คิดตามราคาปิด ณ วันที่ 3 ม.ค.66 ที่ 41.00 บาท) 

เท่ากับว่า หุ้น JMART ที่ พีรนาถ ลงทุนไปตั้งแต่ต้นปี เงินหายไปกว่า 759,241,229 ล้านบาท หรือคิดเป็น -66.22%

สำหรับหุ้น JMART พีรนาถ เริ่มปรากฎรายชื่อเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ครั้งแรกเมื่อ 12 มี.ค.53 จำนวน 1,560,100 หุ้น หรือ 0.52% สังเกตได้ว่ามีการซื้อเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงปัจจุบัน

ขณะเดียวกันก่อนหน้านี้ พีรนาถเคยถือหุ้นกลุ่ม JMART ด้วยกัน 2 หลักทรัพย์ แต่ ณ ปัจจุบันไม่พบเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่แล้ว ได้แก่ หุ้น J เริ่มปรากฎรายชื่อครั้งแรกเมื่อวันที่ 27 มิ.ย.60 จำนวน 1,911,182 หุ้น หรือ 0.52% และครั้งสุดท้ายที่ปรากฎเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ณ วันที่ 14 พ.ค.63 จำนวน 6,075,110 หุ้น หรือ 0.77% 

ส่วน หุ้น SINGER พีรนาถ เริ่มปรากฎรายชื่อครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 มี.ค.59 จำนวน 1,438,700 หุ้น หรือ 0.53% และครั้งสุดท้ายที่ปรากฎเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ณ วันที่ 10 ต.ค.63 จำนวน 3,737,000 หุ้น หรือ 0.91% 

ปัจจุบันนอกจากหุ้นกลุ่ม JMART แล้ว พีรนาถยังถือหุ้นใหญ่  JUBILE KISS MC PREB SNC SORKON และ THREL

 

อดีตเคยปรากฎรายชื่อเซียนหุ้นถือหุ้นใหญ่กลุ่ม JMART 

หากย้อนอดีตกลับไปช่วง 13 ปีที่ผ่านมา จะเห็นว่ามีเหล่าบรรดาเซียนหุ้นแถวหน้าของเมืองไทยแวะเวียนเข้ามาถือหุ้นใหญ่ในกลุ่ม JMART หลากหลายราย เริ่มจาก 

 

• เสี่ยปู่ - สมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล เคยเข้ามาลงทุนในหุ้น JMART เริ่มปรากฎรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 ม.ค.54 และครั้งสุดท้ายที่ปรากฎรายชื่อคือวันที่ 22 เม.ย.56

 

• เสี่ยป๋อง - วัชระ แก้วสว่าง เคยเข้ามาลงทุนในหุ้น JMART เริ่มปรากฎรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 23 เม.ย.58 และครั้งสุดท้ายที่ปรากฎรายชื่อคือวันที่ 9 ต.ค.58 ส่วนหุ้น J ปรากฎรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 พ.ย.58 และยังพบว่า ภรรยา โสภิศ แก้วสว่าง เคยเข้ามาถือหุ้น J ด้วย และเริ่มปรากฎรายชื่อในวันเดียวกับเสี่ยป๋อง ขณะที่หุ้น JMART ภรรยาเสี่ยป๋องเริ่มปรากฎรายชื่อเมื่อวันที่ 10 พ.ย.58

 

• น.พ. พงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี เคยเข้ามาลงทุนในหุ้น JMART เริ่มปรากฎรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 25 ก.ย.63 และครั้งสุดท้ายที่ปรากฎรายชื่อคือวันที่ 25 ส.ค.65 ส่วนหุ้น JMT เริ่มปรากฎรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 25 ก.ย.63 และครั้งสุดท้ายที่ปรากฎรายชื่อคือวันที่ 25 ส.ค.65 และหุ้น SINGER เริ่มปรากฎรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 ก.ย.64 และครั้งสุดท้ายที่ปรากฎรายชื่อคือวันที่ 2 พ.ย.64 

 

• เซียนฮง - สถาพร งามเรืองพงศ์ เคยเข้ามาลงทุนในหุ้น SINGER เริ่มปรากฎรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 9 มี.ค.64 และครั้งสุดท้ายที่ปรากฎรายชื่อคือวันที่ 25 ส.ค.65 ขณะที่แม่ของเซียนฮง มณีรัตน์ งามเรืองพงศ์ เข้าถือหุ้น SINGER ปรากฎรายชื่อวันเดียวกับเซียนฮง รวมถึงวันสุดท้ายของการปรากฎรายชื่อ

 

• บอยท่าพระจันทร์ หรือ อรรถวัติ ศิริสิทธิธงไชยเคยปรากฎรายชื่อถือหุ้นใหญ่ JMART เริ่มปรากฎรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 มี.ค.61 และครั้งสุดท้ายที่ปรากฎรายชื่อคือวันที่ 12 มิ.ย.63 ส่วนหุ้น JMT เริ่มปรากฎรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 11 มี.ค.64 และ SINGER-R เริ่มปรากฎรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 ก.ย.64 และครั้งสุดท้ายที่ปรากฎรายชื่อคือวันที่ 10 มี.ค.65