‘หุ้นไทยวันนี้’ ซึมรอผลโหวตนายก กูรูแนะจัดทัพลงทุน ตั้งรับรัฐบาลใหม่
"บล.ทิสโก้" ชี้หุ้นไทยวันนี้แกว่งกรอบแคบ-มูลค่าซื้อขายเบาบาง รอผลโหวตนายก "บล.เอเซียพลัส" หวั่นจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า ฉุดดัชนีหลุดแตะ1,450 จุด แนะถือเงินสด 15% ทยอยสะสมหุ้นเติบโต “ไทยบีเอ็มเอ” ชี้บอนด์รัฐบาล-ออมทรัพย์ น่าลงทุน “ฟินโนมินา” แนะกระจายความเสี่ยงทั่วโลก
ด้วยสถานการณ์การเมืองที่ยังมีความไม่แน่นอน และยังไม่รู้ว่า “รัฐบาลใหม่” หน้าตาจะออกมาเป็นแบบไหน และประเด็นเศรษฐกิจโลกถดถอยยังคงเป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจและการลงทุน
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า หุ้นไทยวันนี้ (13ก.ค.) คาดแกว่งตัวในกรอบจำกัด และมูลค่าการซื้อขายเบาบางมาก เนื่องจากนักลงทุนรอผลการโหวตนายกฯ แต่คาดว่าจะยังไม่มีความชัดเจนในการเลือกนายกฯได้ภายในสัปดาห์นี้และจะยืดเยื้อไปอีกสัปดาห์
ทั้งนี้ แม้คาดว่าในวันนี้จะยังไม่มีความชัดเจนใครจะเป็นนายกฯแต่เชื่อว่าการขายของนักลงทุนต่างชาติจะออกมาไม่มาก เพราะตั้งแต่มีการเลือกตั้งนักลงทุนต่างชาติก็ขายหุ้นไทยออกต่อเนื่อง
สำหรับคำแนะนำการลงทุนในช่วงนี้ หากเป็นนักลงทุนทั่วไปแนะให้รอความชัดเจนทางการเมืองก่อน แต่หากเป็นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง มองเป็นจังหวะลงทุนหุ้น Global play หุ้นได้ประโยชน์จากจีนเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ บล.เอเซียพลัส กล่าวในงานเสวนา“ปรับพอร์ตต้อนรับรัฐบาลใหม่ พร้อมรับมือเศรษฐกิจโลกถดถอย” ซึ่งจัดโดยสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA)ว่า การเมืองในช่วงรอยต่อแบบนี้ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด หากจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้มีเสถียรภาพและมีนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจได้เร็ว คาดว่าดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสปรับขึ้นไปที่แนวต้าน 1,610 จุด
ทั้งนี้หากการจัดตั้งรัฐบาลยืดเยื้อ เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย และมีชุมนุมประท้วง คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงไปที่แนวรับ 1,450-1,460 จุดหรือหลุดระดับดังกล่าวได้ แต่ถ้าได้รัฐบาลเสียงข้างมาก คาดว่าดัชนีหุ้นไทย ยังสามารถยืนได้ที่ระดับ1,500-1,542จุด
อย่างไรก็ตามเรามีความเป็นห่วงในเรื่องความล่าช้าและเสถียรภาพของการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งปัจจุบันปัจจัยการเมืองในประเทศ มีน้ำหนักต่อตลาดหุ้นไทยสัดส่วนถึง 50% และตลาดยังรับข่าวปัจจัยการเมืองไปไม่ทั้งหมด
โดยสะท้อนจากมูลค่าการซื้อขายเบาบางในช่วงนี้ที่นักลงทุนไม่กล้าลงทุน เพราะคาดการณ์ไม่ถูกว่าหน้าตารัฐบาลชุดใหม่จะเป็นแบบไหนและหลังจากวันนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
"ถ้าหากทุกอย่างยืดเยื้อ มองว่า เป็นอะไรที่อันตราย โดยเฉพาะหการเมืองไม่จบในสภาฯ ขยายมาข้างนอก จะยิ่งบั่นทอนการท่องเที่ยวว่าจะกลับมาได้หรือไม่ งบประมาณปี2567 คาดล่าช้าไปอีกกว่า 6 เดือน และนโยบายเศรษฐกิจที่จะมีเม็ดเงินเข้ามา กระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยเลื่อนออกทำให้ไม่มีแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือปีนี้"
สำหรับการลงทุนช่วงนี้แนะนำลงทุนหุ้นที่ได้ประโยชน์ไม่ว่าพรรคไหนเป็นรัฐบาล ผลดำเนินงานเติบโต เช่นกลุ่มค้าปลีก อาหาร ไฟแนนซ์ ฯ และแนะถือเงินสด สัดส่วน15%ของพอร์ต
นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) กล่าวว่า การจัดพอร์ตลงทุนต้อนรับรัฐบาลใหม่ ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกผันผวนนั้น จะต้องจัดพอร์ตลงทุนตามวัตถุประสงค์ของเงินและความเสี่ยงที่รับได้ ควบคู่กับกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสมในหลากหลายสินทรัพย์
รวมถึงการลงทุนในหุ้นกู้เอกชน แนะว่าพื้นฐานแล้วนักลงทุนต้องเข้าใจความเสี่ยงต่างๆทั้งด้านราคาตราสารหนี้ ด้านเครดิต และด้านสภาพคล่องด้วย นอกจากนี้ พัธบัตรรัฐบาลและพันธบัตรออมทรัพย์ มองว่า ยังเป็นอีกทางเลือกลงทุน แต่ขึ้นอยู่กับรัฐบาลใหม่ มาเร็วแค่ไหนและมีนโยบายสนับสนุนการออกรุ่นใหม่ๆ มากน้อยแค่ไหน
นายชยนนท์ รักกาญจนันท์ ผู้บริหารสูงสุดสายงาน Wealth Management บลน.ฟินโนมีนา กล่าวว่า ในภาวะปัจจัยในประเทศยังไม่แน่นอน จึงมีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนต่างประเทศ ซึ่งเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐถดถอยอาจไม่เกิดในปีนี้ แต่เป็นเศรษฐกิจถดถอยเกิดขึ้นเฉพาะในบางอุตสาหกรรมหรือบางธุรกิจ
โดยแนะลงทุนกระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์ทั่วโลก ธีมเมกะเทรนด์ และเทคโนโลยี ที่ราคาหุ้นยังไม่ปรับขึ้นมาก มองว่า ยังเป็นโอกาสในการลงทุนระยะยาว ได้แก่ หุ้นแบรนด์ดี หุ้นเมกะเทรนด์ (กองทุน MEGA10-A) ,หุ้นป้อมปราการผ่าทุกภาวะวิกฤติ (กองทุน AFMOAT-HA) และตราสารหนี้ทั่วโลกกลุ่ม High Grade (กองทุน UGIS)