‘กำไรบจ.’ไตรมาส2/66ทรุด โบรกชี้กลุ่ม ‘พลังงาน-แบงก์’ ผลงานโตไม่เด่น

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส เปิดเผยว่า ประเมินแนวโน้มกำไรบจ. ไตรมาส 2 ปี 2566 มีโอกาสทรงตัวหรือลดลงเล็กน้อยจากไตรมาส 1 ปี 2566 อยู่ที่ 2.67 แสนล้านบาท และชะลอตัวไม่ถึง 3 แสนล้านบาท เทียบกับไตรมาส 2 ปี 2565 ที่มีฐานสูงถึง 3.55 แสนล้านบาท เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 110-120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่ปีนี้ราคาน้ำมันปรับลงมาที่ระดับ 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งอาจส่งผลต่อผลดำเนินงานของธุรกิจกลุ่มพลังงาน 

นอกจากนี้ ยังคาดกำไรบจ. ในช่วงดังกล่าวจะชะลอตัวเมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 66 เนื่องจากช่วงไตรมาส 2 ของทุกปี มักเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของธุรกิจ บจ. ทำให้ในช่วงดังกล่าวจะมีหุ้นที่กำไรสุทธิเติบโตโดดเด่นค่อนข้างน้อย โดยกำไรบจ. แต่ละกลุ่มจากสถิติ 5 ปี ไม่นับปี 2563 ปกติมีกลุ่มหุ้นที่ทำกำไรได้ดีในไตรมาส 2 มีน้อย เช่น กลุ่มอาหารเครื่องดื่ม มีเดีย พลังงาน เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม คาดการณ์กำไรบจ. ทั้งปีนี้ที่ 1.12 ล้านล้านบาท มีโอกาสลดลงหรือทรงตัวเทียบกับปีก่อน แต่ปัจจุบันยังคงไว้รองบไตรมาส 2 ออกมาครบก่อน แต่โอกาสที่ไตรมาส 2 ปีนี้ กำไรบจ.ไม่ถึง 3 แสนล้านบาทแน่นอน คาดว่าจะทรงตัวหรือลดลงเล็กน้อยจากไตรมาส 1ปีนี้ ที่ 2.67 แสนล้านบาท

นายสุนทร ทองทิพย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า คาดการณ์กำไรบจ. ไตรมาส 2 ปีนี้ จะออกมาลดลง เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปีนี้ ที่ 2.6 แสนล้านบาท หรือลดลง 5-10% เทียบกับไตรมาสก่อน และไตรมาส 2 ปี 2565 ที่ 3.5 แสนล้านบาท เนื่องจากคาดผลประกอบการ กลุ่ม Global play ยังได้รับแรงกดดันจากการส่งออกที่ชะลอตัว และราคาโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวลงภาคการผลิต ขณะที่กลุ่ม Domestic play ได้รับผลลบจากความไม่แน่นอนทางการเมืองกระทบการใช้จ่ายและการลงทุนภาคเอกชน รวมถึงการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐล่าช้า 

สำหรับกำไรบจ.ทั้งปี 2566 คาดจะทรงตัว เมื่อเทียบกับทั้งปี 2565 ที่ 9.8 แสนล้านบาท โดยประเมินกำไรครึ่งปีหลัง 2566 จะมากกว่าครึ่งปีแรก 2566 จากส่งออกและราคาโภคภัณฑ์ฟื้นตัวครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะอานิสงส์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน ขณะที่การบริโภคในประเทศ และการลงทุนคาดจะฟื้นตัวเช่นกันหลังได้รัฐบาลใหม่

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า คาดกำไรบจ.ไตรมาส 2 ปี 2566 อยู่ที่ราว 2.7-2.8 แสนล้านบาท ลดลง 3% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2566 ปัจจัยหลักมาจากกำไรบจ. กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีปรับตัวลดลง เพราะราคาน้ำมันและค่าการกลั่นที่ปรับตัวลดลงมากเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน รวมถึงกำไรกลุ่มแบงก์คาดว่าจะปรับตัวลดลงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2565 เพราะบางแบงก์อาจจะต้องมีการตั้งสำรองเพิ่มจากการตีมูลค่าการปล่อยสินเชื่อให้กับบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK เป็นศูนย์

“กำไรบจ.ในไตรมาส 2 ปี 66 คาดว่าอยู่ที่2.7-2.8 แสนล้าน ซึ่งลดลง 3% จากไตรมาส 1 ปี 2566 แต่หากเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2565 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 10%”