ลุ้นฟันด์โฟลว์ไหลเข้า‘แสนล้าน’ การเมืองเริ่มชัดเจนขึ้น
"บล.เอเซียพลัส" ชี้ ภาพการเมืองเริ่มชัด "พรรคเพื่อไทย" มีโอกาสเป็นแกนจัดตั้งรัฐบาล หลังที่ประชุมสภา มีมติไม่เสนอชื่อ"พิธา"โหวตนายกฯรอบ2 เชื่อหนุนฟันด์โฟลว์ไหลเข้า ลุ้นครึ่งปีหลังทวงคืน"แสนล้าน" แต่ต้องจับตา "ชุมนุมนอกสภา "
ที่ประชุมรัฐสภา มีมติ ไม่เห็นชอบ เสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ โหวตนายกฯ รอบ2 เหตุผิดข้อบังคับ 41 ทำให้ พรรคเพื่อไทยมีโอกาสเป็นการนำจัดตั้งรัฐบาลแทน ทำให้ปัจจัยการเมืองมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนต่อการลงทุนใน ตลาดหุ้นไทย
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการสายวิจัย บล.เอเซียพลัส เปิดเผยว่า ประเด็นทางการเมืองเริ่มเห็นปลายทางที่ชัดเจนมากขึ้นตามลำดับ หลังรัฐสภามีมติ ไม่ลงมติให้โหวตนายพิธา เป็นนายก ฯ รอบ 2 เหตุผิดข้อบังคับการประชุมรัฐสภาข้อที่ 41 ทำให้มีสัญญาณว่า พรรคเพื่อไทย มีโอกาสเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแทน และเสนอแคนดิเดตนายกฯต่อไป และคาดว่าน่าจะได้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศในช่วงเดือน ส.ค.นี้
สำหรับแนวโน้ม"ดัชนีตลาดหุ้นไทย"หลังจากนี้ น่าจะตอบรับในเชิงบวก และน่าจะมีกระแสเงินทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ไหลเข้าต่อเนื่องได้ ในช่วงก่อนโหวตนายกฯ รอบ 3 ซึ่งคาดว่าดัชนียังมีอัปไซด์ที่แนวต้าน 1,545 จุด ในช่วงรอความชัดเจน
อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามปัจจัยเสี่ยงที่จะกดดันดัชนีหุ้นไทยให้ผันผวน โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของการชุมนุมนอกสภาว่าจะมีหรือไม่ และจะมีการสลับขั้วทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยหรือไม่อย่างไร เนื่องจากหากพรรคเพื่อไทยจะทำหน้าที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ผลออกมาอาจเป็นได้ทั้ง 8 พรรค MOUเดิม หรือ ขั้วใหม่
นายเทิดศักดิ์ กล่าวว่า ตอนนี้มีโอกาสที่ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงหรือไม่ ซึ่งส่วนตัวมองว่ามีดาวน์ไซด์จำกัดแล้ว และไม่น่าจะหลุดแนวรับ 1,500 จุด หลังจากวานนี้ (19 ก.ค.) ดัชนีหุ้นไทย ยังยืนระดับเหนือ 1,500 จุด อยู่ที่ 1,536.64 จุด เพิ่มขึ้น 1.34 จุด มีมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 51,760.01 ล้านบาท ถือว่ามูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเริ่มกลับมามากกว่าระดับ 50,000 ล้านบาทแล้ว
ทั้งนี้หากหลังจากนี้มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันยังรักษาระดับกว่า 50,000 ล้านบาทไว้ได้ต่อเนื่อง ยิ่งเป็นสัญญาณชัดเจนว่ามีโอกาสที่ฟันด์โฟลว์จะไหลเข้าเพิ่มเติมจนถึงสิ้นปีนี้กลับมาแตะระดับ 100,000 ล้านบาท หากได้รัฐบาลที่มีเสถียรภาพและสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้เร็ว
“ หากพรรคเพื่อไทย พลิกมาเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล สะท้อนได้จากข้อมูลในอดีตช่วงเลือกตั้งแล้วพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลดัชนีหุ้นไทย มักจะปรับตัวได้ดีเสมอ”
นอกจากนี้ในช่วง 3 วันทำการที่ผ่านมา (14-18 ส.ค.) ก่อนมีการโหวตนายกฯรอบ2 พบว่า ฟันด์โฟวล์มีการไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชียทุกประเทศ ทั้งไต้หวัน.อินโดนีเซีย,ฟิลิปปินส์ ซึ่งตลาดหุ้นไทยต่างชาต่นักลงทุนต่างชาติซื้อรวม 3,900 ล้านบาท หนุนดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นมาถึง 41 จุด พบว่า 15 หุ้นที่ต่างชาติซื้อสะสมสูงสุดในช่วงเวลาดังกล่าว ได้แก่ BDMS,KBANK,AOT,ADVANC, BH, SCC,BBL ,BCP,AP,SISB,HMPRO,PTTEP, OR,HANA,SIRI
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงรอโหวตนายกฯ รอบ 3 แนะนำเก็งกำไรระยะสั้นกลุ่มหุ้นสลับขั้วทางการเมืองแล้ว ยังสามารถเข้าสะสมหุ้นที่ราคายังฟื้นไม่ถึงครึ่ง เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเลือกตั้ง และงบไตรมาส 2 โตเด่น เช่น BEM,MTC,SCGP และยังมีความผันผวนได้ ให้แบ่งการลงทุนเพื่อประเมินสถานการณ์และทยอยสะสมหุ้นกลุ่มดังกล่าวเข้าพอร์ต