GLOBAL เผยกำไร Q2/66 ลด 32% เหลือ 705 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายเพิ่ม ยอดขายลด
GLOBAL เผยกำไรไตรมาส 2/66 ลดลง 32% เหลือ 705 ล้านบาท จากต้นทุนค่าใช้จ่ายปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ยอดขายสาขาเดิมปรับตัวลดลง
นายวิทูร สุริยวนากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOBAL เปิดเผยถึงบริษัท มีผลกำไรสุทธิประจำไตรมาสที่ 2/2566 เท่ากับ 705.06 ล้านบาท ลดลง 326.70 ล้านบาท หรือลดลง 31.66% เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปี 2565 และหากเปรียบเทียบกับยอดขายคิดเป็น 8.29% ของยอดขาย และสำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2566 เท่ากับ 1,591.31 ล้านบาท ลดลง 603.82 ล้านบาท หรือลดลง 27.51% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2565 และหากเปรียบเทียบกับยอดขายคิดเป็น 9.13% ของยอดขาย
โดยมีปัจจัยหลักมาจากรายได้จากการขายสำหรับไตรมาส 2/2566 เท่ากับ 8,503.26 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปี 2565 จำนวน 716.28 ล้านบาท หรือลดลง 7.77% และสำหรับงวดหกเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2566 เท่ากับ 17,436.68 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปี 2565 จำนวน 1,416.55 ล้านบาท หรือลดลง 7.51% เป็นผลมาจากยอดขายของสาขาเดิมลดลง แม้ว่าบริษัท จะเปิดสาขาใหม่เพิ่มขึ้นอีก 3 สาขา
ส่วนรายได้อื่นสำหรับไตรมาส 2/2566 เท่ากับ 179.98 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปี 2565 จำนวน 19.75 ล้านบาท หรือลดลง 9.89% และ สำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2566 เท่ากับ 350.43 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปี 2565 จำนวน 20.75 ล้านบาท หรือลดลง 5.59% เนื่องจากรายได้บริหารคลังสินค้าและรายได้ส่งเสริมการขายที่ได้รับจากคู่ค้าลดลงตามนโยบายการบริหารจัดการสินค้า
ขณะที่กำไรขั้นต้นประจำไตรมาส 2/2566 เท่ากับ 2,158.77 ล้านบาท ลดลงจากระยะเวลาเดียวกันของปี 2565 จำนวน 279.40 ล้านบาท หรือลดลง 11.46% และคิดเป็นอัตรา 25.39% ของรายได้จากการขาย ซึ่งมีสัดส่วนลดลง 1.06% เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปี 2565 และสำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2566 เท่ากับ 4,396.56 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปี 2565 จำนวน 558.14 ล้านบาท หรือลดลง 11.26% คิดเป็นอัตรา 25.21% ของรายได้จากการขาย ซึ่งมีสัดส่วนลดลง 1.07% เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปี 2565 เนื่องจากรายได้จากการขายที่ลดลง และการปรับลดราคาสินค้ากลุ่มเหล็กตามราคาตลาดโลก
ส่วนต้นทุนในการจัดจำหน่าย และค่าใช้จ่ายการบริหาร (ไม่รวมค่าเสื่อมราคา กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่เกิดขึ้นจริง และกำไร (ขาดทุน)จากเงินลงทุนชั่วคราวที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง) ประจำไตรมาส 2/2566 เท่ากับ 1,120.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเวลาเดียวกันของปี 2565 จำนวน 116.54 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 11.61% โดยค่าใช้จ่ายดังกล่าวคิดเป็น 13.17% ของยอดขาย และสำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2566 เท่ากับ 2,111.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี 2565 จำนวน
176.30 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9.11% โดยค่าใช้จ่ายดังกล่าวคิดเป็น 12.11%ของยอดขาย เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายกลุ่มเงินเดือนพนักงานของสาขาที่เปิดใหม่ 3 สาขา ค่าไฟฟ้าจากการปรับเพิ่มค่าFT และค่าใช้จ่ายทางการตลาด
และ ต้นทุนทางการเงินประจำไตรมาส 2/2566 เท่ากับ 65.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเวลาเดียวกันของปี 2565 จำนวน 18.92 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 40.63% และสำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุด วันที่ 30 มิถุนายน 2566 เท่ากับ 129.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี 2565 จำนวน 37.59 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 41.01% เนื่องจากการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมของสถาบันการเงินตามสถานการณ์ตลาดการเงินที่เปลี่ยนแปลง
โดยค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ประจำไตรมาส 2/2566 เท่ากับ 167.15 ล้านบาท ลดลงจากระยะเวลาเดียวกันของปี 2565 จำนวน 85.36 ล้านบาท หรือลดลง 33.80% และสำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2566 เท่ากับ 376.49 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปี 2565 จำนวน 151.26 ล้านบาท หรือลดลง 28.66% เป็นผลจากกำไรก่อนหักภาษีที่ลดลง
และกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา(EBITDA) ประจำไตรมาส 2/2566 เท่ากับ 1,240.46 ล้านบาท ลดลงจากระยะเวลาเดียวกันของปี 2565 จำนวน 397.87 ล้านบาท หรือลดลง 24.29% และสำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2566 เท่ากับ 2,687.05 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปี 2565 จำนวน 735.89 ล้านบาท หรือ 21.50% เนื่องจากรายได้รวมที่ลดลง
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์