Morgan Stanley ลดมุมมองหุ้นจีน ไต้หวันเป็น เท่าตลาด แนะขายทำกำไรหากมีจังหวะ
มอร์แกน สแตนลีย์ (Morgan Stanley) ลดมุมมองต่อหุ้นจีนลงเหลือ เท่าตลาด (Equal Weight) แนะหากมีจังหวะให้รีบทำกำไร เหตุเศรษฐกิจจีนมีหลายปัญหารุมเร้า รวมทั้งมาตรการกระตุ้นยังไม่น่าสนใจมากพอ
Key Points
- มอร์แกน สแตนลีย์ (Morgan Stanley) ลดมุมมองต่อหุ้นจีนลงเหลือ “Equal Weight”
- นักวิเคราะห์ ชี้ หากมีจังหวะรีบาวด์ให้รีบขายทำกำไรเพราะเศรษฐกิจจีนมีหลายปัญหารุมเร้า
- มอร์แกน สแตนลีย์ ยังปรับลดหุ้นไต้หวันลงมาอยู่ในอันดับเดียวกันกับจีน
มอร์แกน สแตนลีย์ (Morgan Stanley) ปรับมุมมองต่อหุ้นจีนลงมาอยู่ที่ เท่าตลาด (Equal Weight วันนี้ (3 ส.ค.) โดยระบุว่า หากมีจังหวะหุ้นจีนปรับตัวสูงขึ้น นักลงทุนควรหาโอกาสขายทำกำไรทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลกลางปักกิ่ง และธนาคารกลางจีน (PBOC)
โดยปัจจุบันสินทรัพย์ของจีนได้รับแรงหนุนในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ท่ามกลางคํามั่นสัญญามากมายจากรัฐบาลจีนที่จะกระตุ้นการเติบโต และฟื้นฟูภาคเอกชน
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มอร์แกน สแตนลีย์ ระบุไว้ในรายงานว่า มาตรการดังกล่าวอาจไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นได้อย่างยั่งยืน
ยิ่งไปกว่านั้น ความเชื่อมั่นของตลาดกําลังมุ่งเน้นไปที่ความท้าทายเชิงโครงสร้างของจีน รวมทั้งนักลงทุนเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า ปัญหาของรัฐบาลท้องถิ่น และการว่างงานยังไม่มีแนวทางการแก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรม
"เรามองว่าการประชุมโปลิตบูโรในเดือนก.ค. ที่ผ่านมา เป็นการส่งสัญญาณ พิราบ (Dovish) มากขึ้น เนื่องจากจุดยืนที่ชัดเจนยิ่งขึ้นที่รัฐบาลต้องการรักษาเสถียรภาพของการเติบโตทางเศรษฐกิจและการสนับสนุนภาคเอกชน" ลอร่า หวัง (Laura Wang ) ฟราน เฉิน (Fran Chen ) และทีมนักวิเคราะห์จากมอร์แกน สแตนลีย์ ระบุ พร้อมเสริมว่า
"อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนยังคงเปราะบางมาก และพวกเขายังคงลังเลที่จะเข้าไปลงทุนล่วงหน้า (Pre-position) ด้วยจำนวนเงินที่มากอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากพวกเขารู้สึกผิดหวังกับมาตรการ การกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาของรัฐบาลจีน และ PBOC"
นอกจากนี้ ความปั่นป่วนในภาคอสังหาริมทรัพย์ก็ยังเป็นปัญหาใหญ่ของจีน ที่สำคัญความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์กับสหรัฐก็จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนเพื่อดึงฟันด์โฟลว์จากต่างชาติมากขึ้น
ทั้งนี้ นักกลยุทธ์ของมอร์แกน สแตนลีย์ ให้น้ำหนัก และความสำคัญกับหุ้นจีนอย่างมากในเดือนธ.ค.ท่ามกลางการเปิดประเทศอีกครั้งหลังจากการล็อกดาวน์ อย่างไรก็ตาม ด้วยความล่าช้า และชะลอตัวในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ พวกเขาจึงลดประมาณการ การเติบโตของดัชนีตลาดหุ้นลงในเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา
ด้านบทวิเคราะห์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ให้ข้อมูลว่า ประเทศจีนตกอันดับลงมาอยู่ที่ลำดับ 13 จากเดิมอยู่ที่ลำดับ 3 ในกรอบการจัดสรรตลาดของประเทศกําลังพัฒนา (Developing-nation Market Allocation Framework) ซึ่งรวบรวมข้อมูลจากทั้งหมด 28 ประเทศ
ทั้งนี้ มอร์แกน สแตนลีย์ ยังปรับลดหุ้นไต้หวันลงมาอยู่ในอันดับเดียวกันกับจีน โดยตั้งข้อสังเกตว่า การประเมินมูลค่าจะยืดเยื้อท่ามกลางการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
"มีความยากลำบากที่จะมองไปถึงจุดสูงสุดของหุ้นไต้หวัน เพราะเป็นตลาดที่ขับเคลื่อนโดยนักลงทุนที่ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และนักลงทุนรายย่อยจำนวนมาก ดังนั้นในตอนนี้ เราคิดว่านักลงทุนจำนวนมากนำความเสี่ยง และปัจจัยทั้งหมดมาคำนวณแล้ว (Price In) และเริ่มลดการถือครองลงบ้างแล้ว" รายงานระบุ
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์