ดาวโจนส์ร่วงเล็กน้อย ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันพฤหัสบดี(3ส.ค.)ปรับตัวลงในกรอบแคบ ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน จากข้อมูลเศรษฐกิจ และรายงานผลประกอบการบรรดาบริษัทจดทะเบียน
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ลดลง 66.63 จุด หรือ 0.19% ปิดที่ 35,215.89 จุด
- ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 11.50 จุด หรือ 0.25% ปิดที่ 4,501.89 จุด
- ดัชนีแนสแด็ก ลดลง 13.73 จุด หรือ 0.10% ปิดที่ 13,959.72 จุด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ลดลง 66.63 จุด หรือ 0.19% ปิดที่ 35,215.89 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 11.50 จุด หรือ 0.25% ปิดที่ 4,501.89 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 13.73 จุด หรือ 0.10% ปิดที่ 13,959.72 จุด
อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงมากกว่านี้ในช่วงแรก เพราะถูกกดดันจากการดีดตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ และการที่ฟิทช์ เรทติ้งส์ประกาศปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ
ทั้งนี้ การดีดตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ซึ่งเป็นพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก รวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองของสหรัฐ จะทำให้ผู้บริโภคมีเงินสำหรับการใช้จ่ายลดน้อยลง และบริษัทต่างๆจะเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ทำให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน
หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ดิ่งลงกว่า 1% หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งทะลุ 4.1% แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2565
ดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.
นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทแอ๊ปเปิ้ลและอเมซอน ซึ่งจะมีการเปิดเผยหลังปิดตลาดวันนี้
ข้อมูลจาก FactSet ระบุว่า 81% ของบริษัทในดัชนีเอสแอนด์พี500 ที่เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 แล้ว มีกำไรสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้
นอกจากนี้ ตลาดจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันพรุ่งนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. จากระดับ 209,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. นอกจากนี้ คาดว่าอัตราว่างงานทรงตัวที่ระดับ 3.6% ในเดือนก.ค.