เช็ก 9 หุ้นอิเล็กทรอนิกส์ รับแรงหนุนชิปทั่วโลกเริ่มฟื้นตัวครึ่งปีหลัง

เช็ก 9 หุ้นอิเล็กทรอนิกส์ รับแรงหนุนชิปทั่วโลกเริ่มฟื้นตัวครึ่งปีหลัง

9 หุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ รับแรงหนุนชิปทั่วโลก เริ่มฟื้นตัวครึ่งปีหลัง DELTA ผลตอบแทนราคา 3 เดือน มากสุดที่ 47.06%

หุ้นอิเล็กทรอนิกส์ กำลังถูกจับตาจากนักลงทุนในตลาดหุ้นไทย เพราะมีการปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนหลักมาจากตลาดมองว่า อุตสาหกรรมชิปผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว หลังจากจีนแสดงท่าทีสนับสนุนธุรกิจเทคโนโลยี 

ณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ให้ข้อมูลกับกรุงเทพธุรกิจ ว่า หุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่มีความแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มขณะนี้ จะเป็นบริษัทที่อิงกับเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น EV CAR หรือ AI ซึ่งถ้าอยู่ในสายพานการผลิตของสิ่งเหล่านี้ เพราะคาดว่าในอนาคตจะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น และเป็นเทรนด์ที่มาอย่างแน่นอน แต่ถ้าเป็นชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่อิงกับ economy ในรูปแบบเดิมแผงวงจรไฟฟ้าที่อิงกับ รถยนต์ทั่วไปเดิมๆ หรืออุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ คอมพิวเตอร์ต่างๆ ที่เป็นเทคโนโลยีเก่าๆ ทั่วไปกลุ่มเหล่านี้อาจจะไม่ค่อยได้รับความนิยมหรืออาจจะแย่ลงตามสภาวะเศรษฐกิจโลกที่อาจจะมีดาวน์ไซด์

 

ฉะนั้นแล้วในส่วนที่เหลือของครึ่งปีหลัง 66 หรือปี 67 นักลงทุนอาจจะต้องเข้าไปพิจารณาเป็นรายโปรดักต์ที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งมีค่อนข้างเยอะก็จะทำให้ได้เปรียบกับคนอื่นได้ ทั้งนี้ในบ้านเราจะมี 3 ตัวใหญ่ๆ ที่อยู่ในบ้านเราคือ DELTA KCE และ HANA แต่ DELTA อาจจะต้องตัดออกไปก่อน เนื่องจาก Valuation มีความร้อนแรงค่อนข้างมาก แต่ KCE และ HANA หากดูความสัมพันธ์ของราคาให้ดีจะมีความแปรผันไปตามตัวของดัชนี NASDAQ ค่อนข้างสำคัญด้วย แต่ดัชนี NASDAQ หลังจากนี้เมื่อบอนด์ยีลด์ยังอยู่ในระดับสูง คาดว่า NASDAQ จะปรับตัวขึ้นไปแรงๆ ยังคงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากอยู่ 

ส่วน fundamental ของ KCE จะอิงกับภาคของเศรษฐกิจยุโรปยังคงมีความเปราะบางอยู่มาก เนื่องจากเศรษฐกิจเยอรมนีเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยเรียบร้อยแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม ด้วยราคาหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่มีการปรับตัวลงมาค่อนข้างลึกก่อนหน้านี้ คาดว่าน่าจะไม่ปรับตัวลงไปลึกอีก แต่มองเป็นภาพการแกว่งตัวออกด้านข้าง และถ้าเศรษฐกิจโลกมีพัฒนาการในเชิงบวกหรือลบในช่วงถัดไป หุ้นกลุ่มนี้ก็จะแปรผันไปตามภาวะเศรษฐกิจโลกด้วย แปรผันไปตามภาคเศรษฐกิจ PMI และภาคการผลิตต่างๆ เป็นต้น 

“ในอนาคตถือว่า เป็นกลุ่มที่รองรับกลุ่มเทคโนโลยีใหม่ๆ ถ้าเราข้ามผ่านเศรษฐกิจถดถอยครั้งนี้ไปได้ กลุ่มนี้ก็ถือว่า เป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่น่าจับตามอง แต่การจะเข้าไปลงทุนเลยในช่วงนี้ คิดว่าเร็วไป เนื่องจากเรามีเหวคือ เศรษฐกิจโลกที่ยังรออยู่ เพราะว่าถ้าเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยกลุ่มนี้ก็ต้องโดนอย่างแน่นอน ในฐานะที่มีความสัมพันธ์กับเศรษฐกิจโลกค่อนข้างมาก ซึ่งเราอาจจะใช้จังหวะปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้าที่คาดว่า ราคาหุ้นอาจจะมีการปรับย่อลงมา เพื่อเป็นการสะสมได้” 

ณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ปัจจัยบวกของหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ยังคงได้รับอานิสงส์จากสต๊อกสินค้าของฝั่งสหรัฐ ที่ก่อนหน้านี้มีการปรับตัวลงมาค่อนข้างมาก จึงทำให้ปัจจุบันเริ่มมีสต๊อกสินค้าชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์กลับขึ้นมาได้อีก รวมถึงประเทศจีนกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น ทำให้กลุ่มอุปกรณ์จำพวก Gadget ต่างๆ ที่จะได้แรงหนุนด้วย และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในบ้านเราได้รับอานิสงส์เชิงบวกตามไปด้วย 

แต่อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า หุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์อาจจะไม่ได้กลับไปดีเหมือนช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ช่วงโควิด-19 รวมถึงสถานการณ์เศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน สหรัฐมีภาระหนี้ที่ค่อนข้างสูงหลังจากที่โดนดาวน์เกรด ทำให้ความเสี่ยงด้าน recession มีมากขึ้น ซึ่งกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ก็ถือว่ามีความจากผลกระทบจาก recession อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงมองว่ามันอาจจะเป็นในเรื่องของการที่เรียกกันว่า restock กลับมาในช่วงสั้นๆ ในช่วงไตรมาส 3/66 เพื่อเป็นการเตรียมสินค้าไว้ขายในไตรมาส 4/66 ขณะที่ภาพใหญ่ยังถูกกดดันจากการชะลอตัวเศรษฐกิจโลกอยู่

ทั้งนี้ แม้จะเห็นว่า ราคาหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาหมดเลย หากนักลงทุนเข้าไปซื้อตามในช่วงนี้อาจจะเสียเปรียบ แนะนำให้นักลงทุนเข้าไปเทรดดิ้งเพื่อเป็นการเข้าไปเก็งกำไรระยะสั้น และดูตามตลาดหุ้น NASDAQ หากวันไหน NASDAQ ปิดบวก วันถัดไปก็สามารถเข้าเทรดดิ้งหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ได้ เพราะช่วงนี้ถือว่า เป็นการฟื้นตัวระยะสั้น แต่ถ้านักลงทุนต้องการสะสมรอบใหญ่อยากให้รอในช่วงไตรมาส 4/66 ก่อน หากมีการ restock เสร็จแล้วอาจจะทำให้ราคาถอนลงมาได้ ก็จะทำให้นักลงทุนสามารถเข้าซื้อได้ในราคาที่ดีกว่า

หากเปรียบเทียบหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในบ้านเรา ตัวที่แพงที่สุดคือ DELTA ขณะที่หุ้นที่ได้รับแรงหนุนจาก EV จะเป็นหุ้น KCE ที่น่าสนใจ

“กรุงเทพธุรกิจ” ได้สำรวจ 9 หุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี และ ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ผลตอบแทนราคาใครนำสุด

เช็ก 9 หุ้นอิเล็กทรอนิกส์ รับแรงหนุนชิปทั่วโลกเริ่มฟื้นตัวครึ่งปีหลัง

1.บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA 

  • มาร์เก็ตแคป 1,403,304.32 ล้านบาท (3 ส.ค.66)
  • ผลตอบแทนราคา YTD -86.45% 
  • ผลตอบแทนราคา 3 เดือน +47.06%
  • อัตราเงินปันผลตอบแทน 0.36% 
  • P/E Ratio 84.62 เท่า
  • ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 119.50 / 48.80 บาท 

2.บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) หรือ HANA

  • มาร์เก็ตแคป 39,237.84 ล้านบาท (3 ส.ค.66)
  • ผลตอบแทนราคา YTD -5.34% 
  • ผลตอบแทนราคา 3 เดือน +17.47%
  • อัตราเงินปันผลตอบแทน 2.05% 
  • P/E Ratio 19.58 เท่า
  • ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 65.00 / 32.75 บาท 

3.บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX 

  • มาร์เก็ตแคป 20,218.27 ล้านบาท (3 ส.ค.66)
  • ผลตอบแทนราคา YTD -33.88% 
  • ผลตอบแทนราคา 3 เดือน +15.24%
  • อัตราเงินปันผลตอบแทน -% 
  • P/E Ratio 47.77 เท่า
  • ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 20.20 / 8.70 บาท 

4.บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE

  • มาร์เก็ตแคป 49,352.20 ล้านบาท (3 ส.ค.66)
  • ผลตอบแทนราคา YTD -10.22% 
  • ผลตอบแทนราคา 3 เดือน +8.44%
  • อัตราเงินปันผลตอบแทน 3.83% 
  • P/E Ratio 23.81 เท่า
  • ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 66.75 / 35.50 บาท 

5.บริษัท สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SMT 

  • มาร์เก็ตแคป 3,585.27 ล้านบาท (3 ส.ค.66)
  • ผลตอบแทนราคา YTD -16.04% 
  • ผลตอบแทนราคา 3 เดือน +5.47%
  • อัตราเงินปันผลตอบแทน 1.42% 
  • P/E Ratio 11.09 เท่า
  • ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 6.25 / 3.88 บาท

6. บริษัท มูราโมโต้ อีเล็คตรอน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ METCO 

  • มาร์เก็ตแคป 4,848.36 ล้านบาท (3 ส.ค.66)
  • ผลตอบแทนราคา YTD -18.02% 
  • ผลตอบแทนราคา 3 เดือน -4.13%
  • อัตราเงินปันผลตอบแทน 7.76% 
  • P/E Ratio 10.99 เท่า
  • ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 298.00 / 225.00 บาท

7.บริษัท แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ CCET 

  • มาร์เก็ตแคป 11,466.01 ล้านบาท (3 ส.ค.66)
  • ผลตอบแทนราคา YTD -15.52% 
  • ผลตอบแทนราคา 3 เดือน -5.77%
  • อัตราเงินปันผลตอบแทน 1.38% 
  • P/E Ratio 14.06 เท่า
  • ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 2.51 / 1.87 บาท 

8. บริษัท เอสวีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ SVI 

  • มาร์เก็ตแคป 16,687.38 ล้านบาท (3 ส.ค.66)
  • ผลตอบแทนราคา YTD -19.69% 
  • ผลตอบแทนราคา 3 เดือน -15.76%
  • อัตราเงินปันผลตอบแทน 3.35% 
  • P/E Ratio 10.07 เท่า
  • ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 12.40 / 7.15 บาท 

9.บริษัท ทีมพรีซิชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TEAM 

  • มาร์เก็ตแคป 3,408.29 ล้านบาท (3 ส.ค.66)
  • ผลตอบแทนราคา YTD -31.41% 
  • ผลตอบแทนราคา 3 เดือน -25.69%
  • อัตราเงินปันผลตอบแทน 4.67% 
  • P/E Ratio 10.84 เท่า
  • ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 10.70 / 3.80 บาท 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์