ADVANC เผยไตรมาส 2/66 กำไรสุทธิ 7.18 พันล้าน พุ่ง 14% รับการโตของธุรกิจหลัก
ADVANC เผยไตรมาส 2 ปี 2566 กำไรสุทธิ 7.18 พันล้าน เพิ่มขึ้น 14% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากรายได้จากธุรกิจหลักเติบโต หลังการมุ่งเน้นสร้างผลกำไรท่ามกลางความไม่แน่นอนของสภาวะเศรษฐกิจ พร้อมจ่ายปันผลระหว่างกาล 4 บาท/หุ้น XD 8 ส.ค. 66
บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC แจ้งผลดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2566 ผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 7,180.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 6,305.15 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจหลักเติบโตจากการมุ่ง เน้นสร้างผลกำไรท่ามกลางความไม่แน่นอนของสภาวะเศรษฐกิจ
โดยไตรมาส 2 ปี 2566 เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป จากการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยว และอัตราเงินเฟ้อที่เริ่มลดระดับลง ขณะที่เผชิญกับความกังวลจากหลายปัจจัย เช่น ความไม่แน่นอนทางการเมือง และความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจโลก
ทั้งนี้ บริษัทมีรายได้จากการให้บริการหลักอยู่ที่ 33,903 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.8 เมื่อเทียบกับปีก่อน และ 1.1 จากไตรมาสก่อน จากการฟื้นตัวของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ และธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้านความเร็วสูง ด้วยเป้าหมายในการสร้างผลตอบแทนที่ดีผ่านการนำเสนอบริการที่มุ่งเน้นคุณภาพ และการสร้างมูลค่าเพิ่มในแพ็กเกจที่ให้แก่ลูกค้า โดยเน้นคุณภาพของโครงข่าย แพ็กเกจที่รวมหลากหลายบริการ และการให้บริการลูกค้าที่ดี นอกจากนั้น บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการเติบโตของธุรกิจบริการลูกค้าองค์กร ด้วยการสร้างการเติบโตของรายได้ที่สามารถให้ผลตอบแทนที่ดีแก่บริษัท
ขณะที่ ผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกของปี 2566 ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 บริษัทมีรายได้จากการให้บริการหลักอยู่ที่ 67,434 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.1 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ที่ขยายตัวจากภาคการท่องเที่ยว และการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งส่งผลดีต่อรายได้ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่เติบโตขึ้นร้อยละ 1.2 เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้านความเร็วสูงยังคงรักษาแนวโน้มการเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ร้อยละ 13 เมื่อเทียบกับปีก่อน จากการเติบโตเชิงคุณภาพในกลุ่ม
ผู้ใช้บริการโดยการนำเสนอการบริการที่เหนือระดับ และเทคโนโลยีใหม่ๆ ในขณะที่รายได้จากธุรกิจบริการลูกค้าองค์กร และบริการอื่นๆ เติบโตขึ้นร้อยละ 1.3 ด้วยกลยุทธ์การมุ่งเน้นที่ผลิตภัณฑ์ และบริการที่มีอัตรากำไรสูงต้นทุนการให้บริการปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.6 เมื่อเทียบกับปีก่อน จากต้นทุนโครงข่ายที่สูงขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของค่าไฟฟ้า ในขณะที่ต้นทุนส่วนอื่นสามารถควบคุมได้อย่างเหมาะสมตามแผนการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ต้นทุนค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายลดลงเล็กน้อย (ร้อยละ -0.7 เมื่อเทียบกับปีก่อน) จากการรับรู้ค่าเสื่อมตัดจำหน่ายเต็มจำนวนสำหรับทรัพย์สินโครงข่าย 3G ชดเชยด้วยค่าตัดจำหน่ายจากทรัพย์สิน 5G ที่ทยอยเพิ่มสูงขึ้นจากการลงทุนขยายโครงข่าย
อย่างต่อเนื่อง สำหรับค่าใช้จ่ายด้านการขาย และการบริหารลดลงร้อยละ -6.7 เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่ปรับตัวลดลงร้อยละ -20 เมื่อเทียบกับปีก่อนจากการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ และค่าใช้จ่ายในการบริหารลดลงร้อยละ -0.9 เมื่อเทียบกับปีก่อน จากการปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคา (EBITDA) เติบโตร้อยละ 2.7 เมื่อเทียบกับปีก่อน ตามรายได้จากการให้บริการหลักประกอบกับการควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายในการขาย และบริหารซึ่งชดเชยกับการปรับเพิ่มขึ้นของต้นทุนโครงข่ายที่ได้รับผลกระทบจากค่าไฟฟ้า
สำหรับกำไรสุทธิในงวดครึ่งปีแรก อยู่ที่ 13,937 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับปีก่อนจากการปรับเพิ่มขึ้นของกำไรจากการดำเนินงาน และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ดีขึ้นจากปีก่อน
ขณะที่ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ในอัตราหุ้นละ 4 บาท วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 8 ส.ค. 2566 กำหนดจ่ายวันที่ 5 ก.ย. 66
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์