KEX เผยไตรมาส 2/66 ขาดทุนเพิ่มเป็น 1.05 พันล้าน รับปริมาณจัดส่งลด-แข่งขันสูง
“เคอรี่ เอ็กซ์เพรส” เผยไตรมาส 2 ปี 66 ขาดทุนสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 1.05 พันล้าน จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุน 732 ล้านบาท เนื่องจากเป็นช่วงโลซีซั่น-แข่งขันสูง หลังยอมหั่นราคา หวังเพิ่มปริมาณการจัดส่งพัสดุ
นายคิน เฮ็ง เน็ง อเล็กซ์ ประธานเจ้าหน้าทีบริหาร บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2566 บริษัทมีขาดทุนสุทธิ 1,047.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีขาดทุนสุทธิ 732.35 ล้านบาท ขณะที่งวด 6 เดือนแรก ขาดทุนสุทธิ 1,835.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 1,223.44 ล้านบาท
แม้ว่าสถานการณ์โรคระบาดยุติลงและการเปิดประเทศเพื่อต้อนรับการมาเยือนของนักท่องเที่ยว แต่สภาวะเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศไทยยังมีความไม่แน่นอน แม้ว่าอุปสงค์ของบริการจัดส่งพัสดุแบบด่วนเริ่มฟื้นตัว แต่การแข่งขัน (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อุปสงค์ของบริการจัดส่งพัสดุผ่านแพลตฟอร์มพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์) ในภาคธุรกิจนี้เพิ่มสูงขึ้น ผู้เล่นรายอื่นๆ ต่างยินดีที่จะลดราคาเพื่อแลกกับการเพิ่มปริมาณการจัดส่งพัสดุในขณะเดียวกันก็เริ่มสร้างเครือข่ายการจัดส่งที่ดำเนินการด้วยตนเอง
อย่างไรก็ตาม ไตรมาส 2/2566 เป็นไตรมาสที่สำคัญของบริษัท เนื่องจากเป็นก้าวสำคัญครั้งใหม่ในประวัติศาสตร์ของบริษัท ด้วยความร่วมมือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลัก จากบริษัท เคแอลเอ็น โลจิสติคส์ เน็ทเวิรค์ (KLN) และ SF Express ได้ก้าวขึ้นไปอีกระดับ จากการแลกเปลี่ยนทรัพยากรบุคคล เทคโนโลยีตลอดจนองค์ความรู้ในอุตสาหกรรมที่ลึกยิ่งขึ้น / กลยุทธ์ทางธุรกิจที่ตอบโจทย์ความพึงพอใจของลูกค้า และพนักงานผู้จัดส่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
ดังนั้น เพื่อให้บรรลุเครือข่ายการจัดส่งพัสดุตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางของบริษัท จึงจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนขั้นตอนการดำเนินงาน การออกแบบผลิตภัณฑ์ตลอดจนทรัพยากรบุคคล จากการจัดทำดัชนีวัดความพอใจของลูกค้าต่อองค์กร หรือ Net Promoter Score (NPS) ในไตรมาส 2/2566 แสดงให้เห็นว่า บริษัทยังคงเป็นผู้นำในเกือบทุกด้าน บ่งบอกถึงการเป็นทียอมรับของตลาดเกี่ยวกับแบรนด์และคุณภาพของบริษัท ผลการดำเนินงานในช่วงหลังของไตรมาส 2/2566 ยังแสดงให้เห็นถึงผลของการปรับปรุงต่างๆเหล่านี้
สำหรับ ปริมาณการจัดส่งพัสดุในไตรมาส 2/2566 ลดลงเล็กน้อยเนื่องจากเป็นช่วง Low season และอุปสงค์ที่ค่อนข้างอ่อนตัว แม้ว่าปริมาณการจัดส่งพัสดุโดยรวมลดลง แต่สัดส่วน C2C ต่อรายได้รวมเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 42 เป็นร้อยละ 45 ของรายได้รวม ซึ่งผลกระทบนี้เกิดขึ้นในช่วงปลายไตรมาส 2/2566 และคาดว่าจะสะท้อนผลประกอบการทั้งหมดใน ช่วงครึ่งปีหลังของปี 2566 บริษัทยังพยายามเป็นอย่างยิ่งในการรักษาการให้บริการแพลตฟอร์มพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ด้วยการให้บริการที่โดดเด่นเพื่อรักษาส่วนแบ่ง ตลาดในส่วนนี้
ขณะที่ ช่วงไตรมาส 2/2566 จากการเร่งปรับปรุงครั้งใหญ่ในการพัฒนาเครือข่ายและระบบปฏิบัติการ เพื่อยกระดับประสิทธิภาพในการดำเนินงานด้วยความร่วมมือและสนับสนุนที่แข็งแกร่งของ SF Express ทำให้บริษัทได้วางแผนเพิ่มประสิทธิภาพการวางแผนเครือข่ายเพื่อลดความซ้ำซ้อนของการดำเนินงาน การปรับปรุงนี้ประกอบกับการนำระบบคัดแยกอัตโนมัติมาใช้มีเป้าหมายเพื่อช่วยลกระบวนการเคลื่อนย้ายสินค้าและเวลาในการจัดส่ง และใช้ทรัพยากรอย่างเต็มรูปแบบและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นอกจากนี้บริษัท ยังได้ปรับปรุงขีดความสามารถของศูนย์กระจายสินค้าเพื่อบูรณาการการให้บริการจัดส่งพัสดุ และปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานของคลังสินค้าในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร และตั้งเป้าที่จะขยายไปทั่วประเทศภายใน 2 ปีข้างหน้า ซึ่งจะทำให้คาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายในการลงทุนที่เกิดขึ้นจากการปรับปรุงการดำเนินงาน
สำหรับมุมมองด้านการลงทุน บริษัทได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ (ผ่านทางข้อเสนอทางการเงินและอื่นๆ) เพื่อช่วยให้สามารถก้าวผ่านปีแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้ ลดการขาดทุนจากการดำเนินงานด้วยเป้าหมายและกลยุทธ์ที่ชัดเจนเสริมสร้างความแข็งแกร่งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานสู่ความสามารถในการกำไรภายในปี 2567
จากกลยุทธ์ข้างต้นที่เน้นส่วนแบ่งตลาดไปสู่การเน้นคุณภาพสอดคล้องกับแนวทางของบริษัท ด้วยเครือข่ายพัสดุส่งด่วนที่มีคุณภาพโดดเด่นนั้นจำเป็นต้องมีระบบอุปกรณ์ และความรู้ความชำนาญและเทคโนโลยีที่เหมาะสม
ดังนั้นการปรับกลยุทธ์ของบริษัทจึงมุ่งเน้นกำไรที่มั่นคงควบคู่ไปกับคุณภาพที่ยอดเยี่ยมบริษัทเชื่อว่าไตรมาส 2/2566 เป็นจุดเริมต้นแห่งการฟื้นตัวของบริษัท
สำหรับกลยุทธ์ทางธุรกิจในปี2566 บริษัทตั้งเป้าเพื่อให้ได้รับการยอมรับในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ด้านการขนส่งพัสดุด่วนครบวงจร โดยใช้การแบ่งส่วนระดับตลาดเพื่อให้บรรลุรายได้ต่อพัสดุทีสูงขึ้นโดย มุ่งเน้นกลุ่มผู้ใช้บริการ C-end และอุตสาหกรรม ตั้งกลุ่มเป้าหมายผู้ใช้บริการระดับกลาง ถึง สูง และสร้างบริการอันเป็นเลิศเพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า
สิ่งเหล่านี้ช่วยสนับสนุนกลุ่มผู้ใช้บริการ B2C ได้ดีขึ้นจากความยืดหยุ่นต่อความผันผวนของความต้องการตามฤดูกาล รอบการรับ/จัดส่งที่บ่อยขึ้น และต้นทุนที่ลดลงผ่านการเปลี่ยนแปลงและอัปเกรดเครือข่ายการดำเนินงาน ในส่วนของการปฏิบัติงาน บริษัทยังคงมุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลง โดยการนำระบบและเทคโนโยลีมาปรับใช้ เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงาน
นอกจากนี้บริษัท ยังมุ่งเน้นการปรับปรุงผลกำไรโดยปรับการดำเนินงานและกลยุทธ์ทางธุรกิจให้เหมาะสม เพื่อให้แน่ใจว่า กลยุทธ์ธุรกิจของบริษัทในระยะยาวสอดคล้องกับแนวทางของ SF Express ในประเทศจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้