CPALL เผยไตรมาส 2/66 กำไร 4.43 พันล้าน โต 47% ยอดขาย 7-11 - 'แม็คโคร - โลตัสส์' หนุน
CPALL ทำกำไรไตรมาส 2 ปี 66 ที่ 4,438.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้นราว 48% ตามยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากร้านสะดวกซื้อ รวมถึงธุรกิจค้าส่ง - ค้าปลีก แม็คโคร และโลตัสส์ หนุน 6 เดือนแรก มีกำไร 8,561 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.6% เดินหน้าเปิดสาขาในประเทศอีก 700 สาขา
บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL รายงานผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ผลดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2566 มีกำไรสุทธิ 4,438.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.7% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3,004.02 ล้านบาท
โดยมีรายได้รวม 232,002 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 8.5% มาจากการปรับเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขาย และบริการของธุรกิจร้านสะดวกซื้อ รวมถึงธุรกิจค้าส่งค้า ปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค ที่ธุรกิจแม็คโคร และโลตัสส์ นั้นมีการเติบโตของรายได้จากการขาย และบริการดีขึ้น ตามการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การบริโภคภายในประเทศ และการท่องเที่ยว นอกจากนี้กลยุทธ์ O2O ของแต่ละหน่วยธุรกิจยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
ทั้งนี้ มีกำไรขั้นต้นจากการขาย และบริการเท่ากับ 49,561 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.6% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากธุรกิจร้านสะดวกซื้อ และธุรกิจค้าส่ง ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นในงบการเงินรวมของ เพิ่มขึ้นเป็น 22.0% จาก 21.0% ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
โดยมีต้นทุนในการจัดจำหน่าย และค่าใช้จ่ายในการบริหารเท่ากับ 45,867 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.1% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นหลักๆ ประกอบด้วย ค่าสาธารณูปโภค ค่าใช้จ่ายผลประโยชน์ตอบแทนพนักงาน และค่าโฆษณา และส่งเสริมการขาย รวมถึงการขยายสาขา
ส่วนงวด 6 เดือนแรกปี 66 มีกำไรสุทธิ 8,561.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.6% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 6,457.04 ล้านบาท โดยมีรายได้รวม 454,322 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยในช่วงไตรมาส 2/66 ธุรกิจร้านสะดวกซื้อเปิดร้านสาขาใหม่รวมทั้งสิ้น 168 สาขา รวมมีจำนวนร้านสาขาทั่วประเทศรวมทั้งสิ้น 14,215 สาขา แบ่งเป็น (1) ร้านสาขาบริษัท 7,133 สาขา (ประมาณ 50%) ร้านเปิดใหม่สุทธิ 114 สาขา ในไตรมาสนี้ (2) ร้าน SBP และร้านค้าที่ได้รับสิทธิช่วงอาณาเขต 7,082 สาขา (ประมาณ 50%) ร้านเปิดใหม่สุทธิ 54 สาขา ในไตรมาสนี้
สำหรับแนวโน้มธุรกิจปี 66 บริษัทวางแผนที่จะลงทุนเปิดร้านสาขาใหม่ในประเทศไทยอีกประมาณ 700 สาขา และมีเป้าหมายที่จะเปิดร้าน สาขาในประเทศกัมพูชาให้ครบ 100 สาขา รวมถึงเปิดสาขาแรกในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
สำหรับอัตราการเติบโตของรายได้ ส่วนใหญ่มาจากอัตราการเติบโตของยอดขายจากร้านสาขาใหม่ และอัตราการเติบโตของยอดขายเฉลี่ยจากร้านเดิม รวมถึง ยอดขายจากช่องทางอื่นๆ อาทิ 7-Delivery, All Online และ Vending Machine ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ อาทิ ระดับของอัตราเงินเฟ้อ ราคาวัตถุดิบ ราคาพลังงาน และการขยายตัวของการบริโภคภายในประเทศ เป็นต้น
โดยบริษัทตั้งเป้าขยายอัตรากำไรขั้นต้นให้ได้อย่างต่อเนื่องจากปีก่อน โดยเน้นการพัฒนาระบบในการคัดสรรสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น และผลักดันให้มีสัดส่วนของสินค้าที่กำไรขั้นต้นสูงเพิ่มขึ้น ทั้งจากสินค้ากลุ่ม อาหารและเครื่องดื่ม และสินค้าอุปโภค
ทั้งนี้ ประมาณการลงทุนคาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 12,000 – 13,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการเปิดร้านสาขาใหม่ 3,800 - 4,000 ล้านบาท การปรับปรุงร้านเดิม 2,900 - 3,500 ล้านบาท โครงการใหม่, บริษัทย่อยและศูนย์กระจายสินค้า 4,000 - 4,100 ล้านบาท และสินทรัพย์ถาวร และระบบสารสนเทศ 1,300 - 1,400 ล้านบาท
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์