เปิดพอร์ต '3 เสี่ย' เศรษฐีหุ้นเมืองไทย มั่งคั่งรวมกันระดับ 6.45 พันล้านบาท
3 เสี่ย เซียนหุ้น ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศ เสี่ยยักษ์ เสี่ยป๋อง และเสี่ยปู่ ปัจจุบันมีพอร์ตรวมกันมูลค่าระดับ 6,452.98 ล้านบาท
ทั่วฟ้าเมืองไทย คนที่ถูกขนานนามหรือสถาปนาจากนักลงทุนว่าเป็น “เซียนหุ้น” ระดับชั้นนำที่มีชื่อเสียงเป็นที่ประจักษ์ทั้งในอดีตและปัจจุบัน มีจำนวนไม่มาก และในบรรดาเซียนเหล่านี้ มีด้วยกัน 3 เซียนหุ้นที่มีคำนำหน้านามว่า "เสี่ย" ซึ่งประกอบไปด้วย เสี่ยยักษ์ เสี่ยป๋อง และเสี่ยปู่
กรุงเทพธุรกิจ ได้สำรวจทั้ง 3 เสี่ยเซียนหุ้นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศ ปัจจุบันมีพอร์ตรวมกันมูลค่าระดับ 6,452.98 ล้านบาท
“เสี่ยปู่-สมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล” เซียนหุ้นรุ่นใหญ่ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการตลาดหุ้นเกือบ 40 ปี หรือในช่วงปี 2529 โดยได้แรงบันดาลใจในการลงทุนแบบเน้นคุณค่า หรือที่เรียกว่า Value Investor หลังจากที่ได้อ่านหนังสือของวอร์เรน บัฟเฟตต์ จาก “มนตรี ศรไพศาล” ที่นำมาฝาก พอได้อ่านแล้วรู้สึกชอบมากและอ่านอยู่หลายรอบ
โดย “เสี่ยปู่” มีเทคนิคการลงทุนโดยคัดเลือกหุ้นที่มี P/E ต่ำ และเป็นบริษัทที่กำลังมีการเติบโต
ปัจจุบัน “เสี่ยปู่” ปรากฎรายชื่อถือหุ้นใหญ่อยู่ 15 หลักทรัพย์ รวมมูลค่า 3,239.37 ล้านบาท
1.บริษัท เอ.เจ.พลาสท์ จำกัด (มหาชน) AJ
- ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 5
- จำนวน 20,404,000 หุ้น หรือ 4.64%
- มีมูลค่า 175.47 ล้านบาท (ราคาปิด ณ 16 ส.ค.66 ที่ 8.60 บาท)
2.บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) BRI
- ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 7 และ 9
- จำนวน 7,490,000 หุ้น หรือ 0.88% และ จำนวน 3,864,717 หุ้น หรือ 0.45% ตามลำดับ
- มีมูลค่า 102.76 ล้านบาท (ราคาปิด ณ 16 ส.ค.66 ที่ 9.05 บาท)
3.บริษัท บ้านร็อคการ์เด้น จำกัด (มหาชน) BROCK
- ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 2
- จำนวน 137,796,900 หุ้น หรือ 13.44%
- มีมูลค่า 230.12 ล้านบาท (ราคาปิด ณ 16 ส.ค.66 ที่ 1.67 บาท)
4.บริษัท บลูเวนเจอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) BVG
- ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 2
- จำนวน 12,990,000 หุ้น หรือ 2.89%
- มีมูลค่า 68.19 ล้านบาท (ราคาปิด ณ 16 ส.ค.66 ที่ 5.25 บาท)
5.บริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) DITTO
- ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 7
- จำนวน 18,536,000 หุ้น หรือ 3.51%
- มีมูลค่า 574.61 ล้านบาท (ราคาปิด ณ 16 ส.ค.66 ที่ 31.00 บาท)
6.บริษัท อินฟอร์เมชั่น แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น เน็ทเวิร์คส จำกัด (มหาชน) ICN
- ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 2
- จำนวน 38,936,000 หุ้น หรือ 6.30%
- มีมูลค่า 109.79 ล้านบาท (ราคาปิด ณ 16 ส.ค.66 ที่ 2.82 บาท)
7.บริษัท บริหารสินทรัพย์ ไนท คลับ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) KCC
- ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 4 และ 7
- จำนวน 12,261,900 หุ้น หรือ 1.98% และ จำนวน 4,651,100 หุ้น หรือ 0.75% ตามลำดับ
- มีมูลค่า 89.63 ล้านบาท (ราคาปิด ณ 16 ส.ค.66 ที่ 5.30 บาท)
8.บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) MFEC
- ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 7
- จำนวน 3,464,700 หุ้น หรือ 0.78%
- มีมูลค่า 24,079,665 ล้านบาท (ราคาปิด ณ 16 ส.ค.66 ที่ 6.95 บาท)
9.บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ORI
- ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 5
- จำนวน 94,720,000 หุ้น หรือ 3.86%
- มีมูลค่า 947.20 ล้านบาท (ราคาปิด ณ 16 ส.ค.66 ที่ 10.00 บาท)
10.บริษัท พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) PCC
- ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 10
- จำนวน 23,037,500 หุ้น หรือ 1.88%
- มีมูลค่า 73.25 ล้านบาท (ราคาปิด ณ 16 ส.ค.66 ที่ 3.18 บาท)
11.บริษัท พีซแอนด์ลีฟวิ่ง จำกัด (มหาชน) PEACE
- ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 9
- จำนวน 14,110,000 หุ้น หรือ 2.80%
- มีมูลค่า 55.87 ล้านบาท (ราคาปิด ณ 16 ส.ค.66 ที่ 3.96 บาท)
12.บริษัท โรแยล พลัส จำกัด (มหาชน) PLUS
- ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 3
- จำนวน 45,393,200 หุ้น หรือ 6.78%
- มีมูลค่า 335.90 ล้านบาท (ราคาปิด ณ 16 ส.ค.66 ที่ 7.40 บาท)
13.บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) PRI
- ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 3 และ 5
- จำนวน 7,091,000 หุ้น หรือ 2.22% และ จำนวน 4,709,800 หุ้น หรือ 1.47% ตามลำดับ
- มีมูลค่า 327.47 ล้านบาท (ราคาปิด ณ 16 ส.ค.66 ที่ 27.75 บาท)
14.บริษัท ริช สปอร์ต จำกัด (มหาชน) RSP
- ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 8
- จำนวน 9,455,000 หุ้น หรือ 1.27%
- มีมูลค่า 21.74 ล้านบาท (ราคาปิด ณ 16 ส.ค.66 ที่ 2.30 บาท)
15.บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) TEAMG
- ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 9
- จำนวน 15,760,000 หุ้น หรือ 2.32%
- มีมูลค่า 103.22 ล้านบาท (ราคาปิด ณ 16 ส.ค.66 ที่ 6.55 บาท)
“เสี่ยยักษ์-วิชัย วชิรพงศ์” หนึ่งในเซียนหุ้น หรือนักลงทุนชั้นแนวหน้าของเมืองไทย เริ่มเข้าสู่วงการหุ้นตั้งแต่ปี 2530 หรือราวเกือบ 40 ปี โดยก่อนที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นได้ศึกษาหาความรู้ก่อนในช่วง 3 ปีและถึงเข้ามาลงทุนในครั้งแรก ด้วยเงิน 2.5 ล้านบาท แต่ไม่มีประสบการณ์ในการลงทุนมาก่อน ทำให้ขาดทุนไป 5 แสนบาท หลังจากขาดทุนครั้งใหญ่ทำให้เสี่ยยักษ์กลับมาตั้งหลัก ลุกขึ้นสู้ใหม่ฮึดสู้อีกครั้ง และพัฒนาจากเงิน 2.5 ล้านไปสู่ระดับพันล้านในที่สุด
ปัจจุบัน “เสี่ยยักษ์” ปรากฎรายชื่อถือหุ้นใหญ่อยู่ 5 หลักทรัพย์ รวมมูลค่า 2,952.91 ล้านบาท
1.บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) BEM
- ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 8
- จำนวน 295,980,057 หุ้น หรือ 1.94%
- มีมูลค่า 2,634.22 ล้านบาท (ราคาปิด ณ 16 ส.ค.66 ที่ 8.90 บาท)
2.บริษัท ไบโอซายน์ แอนิมัล เฮลธ์ จำกัด (มหาชน) BIS
- ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 7
- จำนวน 13,701,800 หุ้น หรือ 4.36%
- มีมูลค่า 74.67 ล้านบาท (ราคาปิด ณ 16 ส.ค.66 ที่ 5.45 บาท)
3.บริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) BWG
- ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 6
- จำนวน 120,083,800 หุ้น หรือ 2.43%
- มีมูลค่า 73.25 ล้านบาท (ราคาปิด ณ 16 ส.ค.66 ที่ 0.61 บาท)
4.บริษัท เอิร์ธ เท็ค เอนไวรอนเมนท์ จำกัด (มหาชน) ETC
- ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 5
- จำนวน 55,200,500 หุ้น หรือ 2.46%
- มีมูลค่า 153.45 ล้านบาท (ราคาปิด ณ 16 ส.ค.66 ที่ 2.78 บาท)
5.บริษัท พรพรหมเม็ททอล จำกัด (มหาชน) PPM
- ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 5
- จำนวน 8,739,500 หุ้น หรือ 2.07%
- มีมูลค่า 17.30 ล้านบาท (ราคาปิด ณ 16 ส.ค.66 ที่ 1.98 บาท)
“เสี่ยป๋อง-วัชระ แก้วสว่าง” เซียนหุ้นอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย ที่เริ่มสนใจเล่นหุ้นตั้งแต่อายุ 19 ปีหรือช่วงปี 2535 ด้วยเงินลงทุนก้อนแรกจากการขอเงินพ่อแม่ 500,000 บาท และขาดทุนทำให้เกิดความท้อไปบ้าง แต่ก็กลับมาสู้อีกครั้งจนทำให้พอร์ตเติบโตสู่หลักพันล้านบาท โดยใช้กราฟเทคนิคเป็นเครื่องมือสร้างกำไร
“เสี่ยป๋อง” ปัจจุบันปรากฎรายชื่อถือหุ้นใหญ่อยู่ 4 หลักทรัพย์ รวมมูลค่า 260,696,000 ล้านบาท
1.บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) FSS
- ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 9
- จำนวน 6,800,000 หุ้น หรือ 1.17%
- มีมูลค่า 13.73 ล้านบาท (ราคาปิด ณ 16 ส.ค.66 ที่ 2.02 บาท)
2.บริษัท บริหารสินทรัพย์ ไนท คลับ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) KCC
- ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 8
- จำนวน 4,300,000 หุ้น หรือ 0.69%
- มีมูลค่า 22.79 ล้านบาท (ราคาปิด ณ 16 ส.ค.66 ที่ 5.30 บาท)
3.บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) MGC
- ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 8
- จำนวน 12,050,000 หุ้น หรือ 1.08%
- มีมูลค่า 89.17 ล้านบาท (ราคาปิด ณ 16 ส.ค.66 ที่ 7.40 บาท)
4.บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) THCOM
- ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 10
- จำนวน 10,000,000 หุ้น หรือ 0.91%
- มีมูลค่า 135.00 ล้านบาท (ราคาปิด ณ 16 ส.ค.66 ที่ 13.50 บาท)