‘หุ้นไทย’มีลุ้นขึ้นแตะ1,570จุด รับโหวตนายกผ่านฉลุย-ไทยแลนด์โฟกัส
“หุ้นไทย” เด้ง 19 จุด รับโหวตนายกคนที่ 30 ผ่านฉลุย “เอเซีย พลัส” ดัชนีขึ้นต่อมีโอกาส 1 เดือนจากนี้ บวก 5.5% -ฟันด์โฟลว์ไหลกลับ เช่นในอดีต “ซีจีเอส -ซีไอเอ็มบี” จับตานโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล -ขึ้นค่าแรง หนุน “กสิกรไทย“ ลุ้นดัชนีแตะ 1,570 จุด ”หยวนต้า” ชี้หุ้นโดเมสติกเด่น
ดัชนีหุ้นไทยวานนี้ (22 ส.ค.2566) ปรับตัวขึ้นแรงในช่วงบ่าย โดยปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,548.32 จุด เพิ่มขึ้น 22.47 จุด ก่อนกลับมาปิดตลาดที่ 1,545.60 จุด เพิ่มขึ้น 19.75 จุด ขานรับโหวต นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ผ่านฉลุย
นายชาญชัย พันทาธนากิจ รองผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นภาพเช่นเดียวกับในอดีต ปี 2562 รอบก่อนที่คนพรรคเพื่อไทยได้เป็นนายกรัฐมนตรี หลังจากนั้น1เดือน ดัชนีหุ้นไทย บวก 5.5%
รวมถึงเม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์)หลังจากนี้น่าจะมีแรงซื้อเข้ามา เช่นเดียวกับรอบก่อนที่จะเลือกนายกฯ ได้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ รอบ 1 เดือน ซึ่งซื้อสุทธิ 46,000 ล้านบาท
นอกจากนี้การจัดงานไทยแลนด์โฟกัส 23 -25 ส.ค.นี้ เป็นการเชิญนักลงทุนสถาบันต่างประเทศ มาฟังทิศทางและเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงผลดำเนินงานบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ไทย คาดว่าจะสามารถเรียกความเชื่อมี่นนักลงทุนได้ หลังมีการโหวตนายกแล้ว ซึ่งในช่วงจัดกงานดังกล่าวดัชนีหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสถิติที่ผ่านมา 6 ครั้งหลังล่าสุด ดัชนีปรับขึ้น 1.1%
ดังนั้นดัชนีหุ้นไทยในระยะสั้นยังขยับขึ้นไปที่แนวต้าน 1,545 จุด และหากผ่านไปได้แนวต้านถัดไปที่ 1,560 จุด ส่วนแนวรับที่ 1,520 จุด
นายกรรณ์ หทัยศรัทธา นักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจและการลงทุนสายงานวิจัย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า แม้ผลการโหวตนายกฯ ได้หนุนดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้น แต่ยังต้องจับตานโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากจากพรรคเพื่อไทย เริ่มจาก 1.นโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล10,000 บาท และ 2. ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ภายใน 4 ปี ต่อทุกครอบครัวรายได้ไม่น้อยกว่า 20,000 บาท และ เกษตรกรรายได้เพิ่ม 30,000บาทต่อไร่ต่อปี
นอกจากนี้ตลาดหุ้นไทยยังได้แรงส่งจากงานไทยแลนด์โฟกัส ที่จะเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุน หนุนดัชนีระยะสั้นจนถึงสิ้นเดือนส.ค.นี้ โดยมองกรอบแนวต้าน 1,567 จุด และแนวรับ 1,525 จุด
นายรัฐศักดิ์ พิริยะอนนท์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า หุ้นไทย มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อตามการเมืองคลี่คลาย และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่คาดว่าจะเร่งตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีจากภาคการท่องเที่ยงที่จะฟื้นตัวชัดขึ้น กำลังซื้อประชาชน โดยเฉพาะในกลุ่มรากหญ้าเร่งตัวตามรายได้เกษตรที่เพิ่ม หลังราคาข้าวปรับตัวขึ้น รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ประกอบกับการส่งออกที่อาจแตะระดับต่ำสุดได้ในช่วงปลายปีและค่อยๆปรับตัวดีขึ้นตามภาพวัฏจักรอุตสาหกรรมการผลิตของต่างประเทศ
โดยมองกรอบดัชนีระยะสั้น แนวรับ1,530 จุด และแนวต้าน1,570 จุด โดยหุ้นแนะนำ คือกลุ่มค้าปลีก (CPALL, COM7, GLOBAL) กลุ่มการเงิน (SAK, TIDLOR) และกลุ่มท่องเที่ยว (ERW, AOT)
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยจากนี้น่าจะตอบรับเชิงบวก จากการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย และคาดดัชนีปรับขึ้นในทิศทางเดียวกับการโหวตนายกครั้งก่อน (5 มิ.ย. 2562) ดัชนีปรับตัวขึ้น 5% ใน 1 เดือนหลังโหวตนายกฯ และต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยราว 40,000 ล้านบาท ระยะสั้นมองแนวต้านที่ระดับ 1,550 จุด แนวรับที่ 1,535 จุด โดยหุ้นเด่นกลุ่มธนาคารพาณิชย์, ไฟแนนซ์, ค้าปลีก, เครื่องดื่ม, สินค้า ไอที ,ดิจิทัลทรานฟอร์เมชั่น และโรงไฟฟ้า