บล.บัวหลวง ปลุกตลาดหุ้นกู้อนุพันธ์แฝงฟีเจอร์ใหม่ ในจังหวะหุ้นไทยไซด์เวย์

บล.บัวหลวง ปลุกตลาดหุ้นกู้อนุพันธ์แฝงฟีเจอร์ใหม่ ในจังหวะหุ้นไทยไซด์เวย์

บล.บัวหลวง เผยตลาดหุ้นอนุพันธ์แฝงในไทย โต100% สองปีติด อิงการลงทุนในหุ้น เม็ดเงินเพิ่ม 4-5 พันล้านต่อปี เหตุหุ้นไทยไซด์เวย์ผันผวน - นักลงทุนป้องเงินต้นหาย ล่าสุด ส่งฟีเจอร์ใหม่ FNC อายุ 3-6 เดือน รับดอกเบี้ยทุก 2 สัปดาห์ จ่ายคืนเงินต้นด้วยเงินสด-หุ้นอ้างอิง ชูยีลด์ 8-12%

นายอรรถนันต์ ปิยเศรษฐ์ ผู้อำนวยการ ฝ่าย Structured Product บล.บัวหลวง เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทย หลังจากช่วงโควิดจนช่วงครึ่งปีแรกปีนี้ ยังไม่ค่อยดีมากนัก หรือปรับตัวขึ้นได้น้อยกว่า (Underperform)  เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นทั่วโลก และมีอัพไซด์ที่ค่อนข้างจำกัดจากทั้งปัจจัยภายในและภายนอก ส่งผลให้นักลงทุนยังชะลอการลงทุน เพื่อรอความชัดเจนของทิศทางตลาด  และในช่วงปีที่ผ่านมา มูลค่าการซื้อขายหุ้นไทยลดลงมากกว่า 30% แสดงถึงสภาพคล้องในตลาดหุ้นไทยที่ค่อนข้างเบาบางอย่างมีนัยสำคัญ

 แต่ในทางกลับตลาดหุ้นกู้อนุพันธ์แฝง  ในช่วง 2 ปีหลังโควิดมานี้ เติบโต 100% ต่อปี ปัจจุบันมูลค่าระดับแสนล้านบาท สำหรับหุ้นกู้อนุพันธ์แฝง อ้างอิงหุ้น มีมูลค่าเพิ่มขึ้นต่อปีราว 4,000-5,000 ล้านบาท 


 

สะท้อนให้เห็นว่า ที่ผ่านมานักลงทุนได้มีการปรับกลยุทธ์การสร้างผลตอบแทนเพื่อรับมือกับสภาวะตลาดหุ้นไทย ด้วยการสร้างกระแสเงินสดผ่านหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝงมากกว่าการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์โดยตรง และการลงทุนในขณะนี้นักลงทุนรายใหญ่ ยังมองหาผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ความกังวลในเรื่องการสูญเสียเงินต้นไปพร้อมกันด้วย

บล.บัวหลวง ปลุกตลาดหุ้นกู้อนุพันธ์แฝงฟีเจอร์ใหม่ ในจังหวะหุ้นไทยไซด์เวย์  

ล่าสุด ในเชิงโครงสร้างราคาของตลาดหุ้นไทยที่ในภาพใหญ่มีนิสัยวิ่งออกข้าง (Sideway) อาจทำให้การจับจังหวะลงทุนในหุ้นโดยตรงทำได้ยากขึ้น การมีเครื่องมือที่ถูกออกแบบมาสร้างผลตอบแทนและสร้างกระแสเงินสด  จึงได้ออก Fixed Coupon Note หรือ FCN  ฟีเจอร์ใหม่ รับดอกเบี้ยทุก 2 สัปดาห์

 FCN เป็นหนึ่งในหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝงที่ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างกระแสเงินสดระยะสั้น โดยอ้างอิงกับราคาหุ้นในตะกร้าหลักทรัพย์(1-2 หุ้นอ้างอิงใน SET50) มีอายุประมาณ 3-6 เดือน ซึ่งนักลงทุนจะได้รับดอกเบี้ยเป็นเงินสดทุกรอบเดือนตลอดอายุสัญญา โดยอัตราผลตอบแทนที่คาดหวังของ FCN อยู่ในช่วง 8-12% ต่อปี ตามระดับความผันผวนของหุ้นอ้างอิง 

พร้อมทั้งยังมีส่วนเผื่อความปลอดภัยจากระดับกรอบล่างหรือ Knock in (KI) ที่ระดับเฉลี่ยต่ำกว่า 10-15% จากราคา ณ วันเข้าลงทุน FCN ตลอดจนนักลงทุนสามารถเลือกความถี่ของการจ่ายดอกเบี้ยได้เองไม่ว่าจะเป็นการจ่ายทุกรอบเดือนหรือทุกๆ 2 สัปดาห์ อย่างไรก็ตามผลิตภัณฑ์ FCN เป็นตราสารที่ไม่มีการคุ้มครองเงินต้น  


แต่การจ่ายคืนเงินต้นของสัญญา FCN อาจอยู่ในรูปแบบของเงินสดหรือหุ้นอ้างอิง ขึ้นอยู่กับราคาใช้สิทธิ ราคากรอบบน หรือ “ราคา Knock out” และราคากรอบล่าง หรือ “ราคา Knock in” ซึ่งนักลงทุนสามารถปรับระดับความกว้างของกรอบราคาเองได้ โดยสามารถปรับกรอบล่างลงมาในระดับ 10-15% เทียบกับราคา ณ วันเข้าทำสัญญาเพื่อลดความเสี่ยงทางด้านราคา 

อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่ราคาหุ้นอ้างอิงไม่ลงไปต่ำกว่าระดับราคากรอบล่างตลอดอายุสัญญา นักลงทุนจะได้เงินต้นคืนในรูปแบบของเงินสดรวมกับดอกเบี้ยทุกรอบเดือนในช่วงอายุสัญญา

แต่ถ้าหากราคาหุ้นอ้างอิงเคยลงไปต่ำกว่าระดับกรอบล่างแล้วไม่สามารถกลับขึ้นมาเหนือบริเวณกรอบบนได้ นักลงทุนจะได้รับคืนเงินต้นในรูปแบบของหุ้นอ้างอิงที่ราคาใช้สิทธิตามจำนวนที่ระบุไว้ในสัญญา ทั้งนี้ในกรณีนี้นักลงทุนยังคงได้รับดอกเบี้ยทุกรอบเป็นเงินสด ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษและเป็นที่มาของชื่อ “Fixed Coupon Note”


ขณะเดียวกันมองว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยในช่วง 6 เดือนข้างหน้า มีโอกาสปรับตัวขึ้น จากความเสี่ยงนอกประเทศค่อนข้างจำกัด และความเสี่ยงการเมืองในประเทศผ่อนคลายลงหลังจากได้นายกฯ และเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ชัดเจน ทำให้รูปแบบการไถ่ถอน FNC ที่ครบกำหนดในระยะ 6 เดือนข้างหน้า มองว่า มีโอกาสรับเป็นเงินสดในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น จากที่ผ่านมามีสัดส่วนดังกล่าวราว 3 ใน 4 ของ FNC ที่ออกทั้งหมด 

นายอรรถนันต์ มองว่า  FCN จะมาเป็นทางเลือกการลงทุนที่สามารถยกระดับการบริหารสินทรัพย์อย่างมีประสิทธิภาพและยืดหยุ่นจากการได้กระแสเงินสดดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ได้ออกมาเร่งเสนอขายเพื่อสร้างรายได้ให้กับบริษัท เพราะนักลงทุนจะซื้อได้ต้องมีความเข้าใจการลงทุนที่มีความซับซ้อนระดับหนึ่ง พร้อมแนะลงทุนสัดส่วน 10-20% ของพอร์ตลงทุน ตามความเสี่ยงที่รับได้และระดัยความเข้าใจการลงทุน ปัจจุบันบล.บัวหลวงมีส่วนแบ่งการตลาดราว 3-5%  
 
“ พบว่า นักลงทุนหุ้นกู้อนุพันธ์แฝง  ราวสัดส่วน 50% เป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่เล่นหุ้นเป็นรอบใหญ่ ไม่ได้ซื้อขายบ่อย มีความเข้าใจการลงทุนหุ้นอยู่แล้ว และอีก 50% เป็นนักลงทุนรายใหญ่ ที่อยู่ในตลาดหุ้นกู้แต่มีประสบการณ์เล่นหุ้นดีอยู่แล้ว เพราะต้องยอมรับว่าการลงทุนในตราสารที่อิงกับหุ้นมีโอกาสขาดทุนอยู่  “