โบรก จ่อหั่น‘กำไรบจ.’ปีนี้ 'เอเซียพลัส' คาดปรับลดไม่เกิน5% จาก1.12 ล้านล้าน
โบรก จ่อหั่นกำไรบจ.ปีนี้ลง หลังไตรมาส2 กำไรวูบ35% บล.เอเซีย พลัส คาดปรับลงไม่เกิน 5% จาก 1.12 ล้านล้าน กดดันเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยลงตามไปด้วย "บล.กสิกรไทย" ชี้ ครึ่งปีหลังเติบโต หนุนเป้ากำไรปีนี้ลงเพียง 0.4% อยู่ที่ 8.66แสนล้าน
กำไรบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ไตรมาส 2 ปี 2566 ที่ประกาศออกมา 2.24 แสนล้านบาท ลดลง 35% หลักๆมาจากกำไรกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี และวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวลดลงอย่างมาก ทำให้โบรกเกอร์ต่างเตรียมปรับคาดการณ์กำไรปีนี้ลง
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า กำไรบจ.ไตรมาส2 ปี 2566 อยู่ที่ 2.26 แสนล้านบาท (647 บริษัท คิดเป็น98%ของมาร์เก็ตแคป)ลดลง 36.2% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และลดลง 16% เทียบกับไตรมาส1ปี 2566
ทั้งนี้ส่งผลให้ครึ่งปีแรก2566 บจ.มีกำไรสุทธิ 4.96 แสนล้านบาท และมีโอกาสที่กำไรบจ.ปีนี้จะปรับตัวลดลง ซึ่งบริษัทคาดว่าจะต้องปรับลดคาดการณ์กำไรบจ.ปีนี้ลงภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ เพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่ผู้บริหารบจ.พบนักวิเคราะห์จะทำให้เราได้มุมมองที่ชัดเจนขึ้น
อย่างไรก็ตามหากปรับตัวลงก็คาดว่าจะปรับลงไม่เกิน 5% จากคาดการณ์เดิมที่ฝ่ายวิจัยบล.เอเซีย พลัส ที่คาดกำไรบจ.ปีนี้อยู่ที่ 1.12 ล้านล้านบาท (กำไรบจ.ทั้งหมด)โดยบจ.กลุ่มที่ฉุดกำไรปีนี้ลง คาดว่าจะยังเป็นกลุ่มเดิมที่ฉุดกำไรบจ.ไตรมาส2ลงมา คือ กลุ่มโรงไฟฟ้า กลุ่มสื่อสารฯลฯ
“เทรนด์กำไรบจ.ปีนี้เป็นทิศทางปรับตัวลง ซึ่งจาก Bloomberg consensus เมื่อต้นปี EPS อยู่ที่ 106 บาทต่อหุ้น โดยปรับตัวลงอยู่ที่ 91.4 บาทต่อหุ้น ซึ่งหากปรับลดกำไรบจ.ลง ก็จะมีผลทำให้เป้าหมายดัชนีปีนี้โดนปรับลงเช่นกัน แม้ว่าปัจจัยการเมืองมีพัฒนาการที่ดี หนุน ฟันด์โฟลว์ไหลเข้า ”
นายสุนทร ทองทิพย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า เดิมก่อนที่บจ.จะมีการประกาศกำไรไตรมาส2 ปีนี้ ออกมา ฝ่ายวิจัยบล.กสิกรไทยคาดกำไรบจ.ปีนี้อยู่ที่ 8.69 แสล้านบาท (192 บริษัท คิดเป็น 80%ของมาร์เก็ตแคปตลาดหุ้นไทย) แต่พอกำไรบจ.(บจ.ทั้งหมดในSET)ไตรมาส2 ที่ประกาศออกมา ปรับตัวลดลง 35.4% นั้น ทำให้คาดการณ์กำไรบจ.ปีนี้ที่ฝ่ายวิจัยทำบทเคราะห์ ปรับตัวลดลง0.4%อยู่ที่ 8.66แสนล้านบาท
ทั้งนี้คาดกำไรบจ.ครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก คือ กลุ่มอาหาร คาดว่าจะโต 202% เพราะ การเติมสต็อกและต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง , กลุ่มพาณิชย์ คาดโตได้ 18% เพราะ อัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น ,กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ คาดเติบโต16% จากยอดขายที่ดีขึ้น จากอุปสงค์การเติมสต็อกและการขยายกำลังการผลิต และกรอสมาร์จินสูงขึ้น , กลุ่มการเงินคาดโต 20% เพราะ รายได้หลักที่เพิ่มขึ้น และผลขาดทุนด้านเครดิตลดลง
ด้านกลุ่มโรงพยาบาล คาดโต 20% เพราะ เป็นไฮซีซั่น ,กลุ่มบรรจุภัณฑ์ คาดโต 26% จากกรอสมาร์จินที่ดีขึ้น ,กลุ่มปิโตรเคมี พลิกมีกำไร เพราะ มีกำไรสต็อกน้ำมัน ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์และปริมาณขายที่ดีขึ้น ,กลุ่มที่อยู่อาศัย คาดโต 42% เพราะ ยอดการโอนกรรมสิทธิ์ที่เพิ่มขึ้น และอัตรากำไรจากการดำเนินงานที่ดีขึ้น ,กลุ่มขนส่ง คาดโต143% เพราะ จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น และกลุ่มสาธารณูปโภค คาดโต30% เพราะ ราคาก๊าซธรรมชาติที่ลดลง หนุน ให้กรอสมาร์จินดีขึ้น ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่าค่าไฟที่ลดลง
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า กำไรไตรมาส2ของบจ.ปรับตัวลดลง35% โดยกลุ่มที่ฉุดกำไรบจ.งวดนี้ คือกลุ่มพลังงาน วัสดุก่อสร้าง กลุ่มสื่อสาร และ ค้าปลีก ทำให้ครึ่งปีแรกกำไรบจ.จะคิดเป็น 45% ของประมาณการที่ฝ่ายวิจัยทำไว้ทั้งปี
ดังนั้นทำให้ครึ่งปีหลัง 2566 ต้องทำกำไรให้ได้ 55% ถึงจะเป็นไปตามคาด แต่ขึ้นอยู่กับราคาน้ำมันดิบ ซึ่งหากราคาน้ำมันดิบอยู่ที่ระดับ 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลได้อาจทำให้กำไรครึ่งปีหลังเติบโตได้ตามคาด โดยฝ่ายวิจัยบล.ทิสโก้ อยู่ระหว่างปรับประมาณการกำไรของทั้งปีนี้ลง ซึ่งตลาดก็ปรับกำไรปีนี้ลงมาแล้วประมาณ 2% แต่หากปรับลงอีกก็ไม่มากแล้ว เพราะ เราไม่ได้ทำตัวเลขสูง และที่ผ่านมาได้ทยอยปรับลงไปแล้ว ทำให้ EPS มาอยู่ที่ 86.4 บาทต่อหุ้น และคาดปีหน้าจะอยู่ที่ 90.10 บาทต่อหุ้น