ดาวโจนส์ร่วงในกรอบแคบ หลังเฟดคงดอกเบี้ยนโยบาย
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันพุธ(20ก.ย.)ปรับตัวลงในกรอบแคบ ขานรับเฟดคงดอกเบี้ยตามคาด พร้อมทั้งส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งปีนี้
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 76.85 จุด หรือ 0.22% ปิดที่ 34,440.88 จุด
- ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 41.75 จุด หรือ 0.94% ปิดที่ 4,402.20 จุด
- ดัชนีแนสแด็ก ลดลง 209.06 จุด หรือ 1.53% ปิดที่ 13,469.13 จุด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 76.85 จุด หรือ 0.22% ปิดที่ 34,440.88 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 41.75 จุด หรือ 0.94% ปิดที่ 4,402.20 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 209.06 จุด หรือ 1.53% ปิดที่ 13,469.13 จุด
นอกจากนี้ ตลาดได้รับปัจจัยบวกจากการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ รวมทั้งการร่วงลงของราคาน้ำมัน ซึ่งจะช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 22 ปี
การประกาศคงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ หลังจากที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 11 ครั้งนับตั้งแต่ที่เฟดเริ่มวัฏจักรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.2565 ส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 5.25%
ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (dot plot) เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง สู่ระดับ 5.6% ภายในสิ้นปีนี้ และส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งสู่ระดับ 5.1% ในช่วงสิ้นปี 2567 และแตะ 3.9% ในช่วงสิ้นปี 2568 ขณะที่แตะ 2.9% ในช่วงสิ้นปี 2569 ขณะที่คาดการณ์อัตราดอกเบี้ยระยะยาวที่ระดับ 2.5%