ต่างชาติจ่อซื้อหุ้นไทยปลายปี รับอานิสงส์ นายกฯ ประชุมUNGA เรียกเชื่อมั่น
“บล.อินโนเวสท์ เอกซ์” คาดฟันด์โฟลว์เริ่มไหลเข้าตลาดหุ้นไทยปลายปีนี้ หลังนายกฯเข้าประชุมUNGA เรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนระยะกลาง-ยาว หนุนดัชนีสิ้นปีนี้แตะ 1,650 จุด -ปีหน้า1,750 จุด “บล.หยวนต้า” ชู กลุ่มนิคมฯ -สื่อสาร-พลังงานสะอาด-ดาต้าเซ็นเตอร์ รับอานิสงส์
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (26 ก.ย.) ปรับตัวลงต่อเนื่องหลังจากเปิดซื้อขายช่วงเช้า จนมาปิดตลาดที่จุดต่ำสุดของวันที่1,507.36 จุด ลดลง 15.23 จุด โดยนักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิ 2,661.64 จุด บัญชีหลักทรัพย์ขายสุทธิ 204.90 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 340.12 ล้านบาท และนักลงทุนบุคคลในประเทศซื้อสุทธิ 2,526.64 ล้านบาท
นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยวานนี้ (25 ก.ย.)ปรับตัวลงตามตลาดหุ้นในภูมิภาค ที่ฟันด์โฟลว์ไหออกจากตลาดเกิดใหม่รวมถึงตลาดหุ้นไทย กลับไปสหรัฐ เป็นผลจากที่่เฟดยังส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยอีกในปีนี้
และยังไม่มีปัจจัยใหม่หนุน ซึ่งยังมีคำถามนโยบายรัฐบาลใหม่จะปฏิบัติได้จริงหรือไม่ ทำให้วอลุ่มการซื้อขายเบาบาง สะท้อนความเชื่อมั่นยังไม่กลับมา แต่คาดว่าความเชื่อมั่นน่าจะฟื้นช่วงปลายปีนี้ ดัชนีปรับขึ้นจาก 1,500 จุดสู่ 1,600 จุด มาจากแรงซื้อของนักลงทุนในประเทศก่อน
ทั้งนี้จากการที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางร่วมประชุม UNGA78 ที่สหรัฐ ประกาศแนวทางด้านนโยบายของไทยที่สนับสนุนการค้าการลงทุนกับต่างประเทศ และเชื่อประเทศไทยมีศักยภาพดึงดูดนักลงทุนต่างชาติระยะกลางและยาว อย่างอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับอีอีซีและความยั่งยืน (ESG) ที่กองทุนแบล็คร็อค ซึ่งเป็นกองทุนต่างประเทศขนาดใหญ่ให้ความสนใจลงทุน
โดยคาดว่าในช่วงปีแรกน่าจะเห็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่มาจากนโยบายการลงทุนเกิดขึ้นได้จริง และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของรัฐบาลเพื่อไทย จะทำให้เศรษฐกิจไทยในปี 2567 ฟื้นตัวขึ้นอีก 1% หรือขยายตัวได้ที่ 4.1% จากประมาณการเดิมที่ 3% จากปีนี้คาดเศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ 2.7%
ดังนั้นจึงคาดว่าน่าจะเริ่มเห็นเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นไทยช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า ซึ่งจะหนุนให้ดัชนีสิ้นปีนี้แตะที่ระดับ 1,650 จุด หรือมีอัปไซด์ราว 100 จุด จากระดับปัจจุบัน และในปีหน้าคาดดัชนีขึ้นแตะ1,750 จุด ขณะที่ในไตรมาส 4 ปีนี้ มีจุดเข้าซื้อได้หากดัชนีอยู่ที่ระดับ 1,500-1,550 จุด ซึ่งให้ผลตอบแทนที่คาดหวัง 5-7%
นายสุกิจ กล่าวว่า สำหรับกลยุทธ์การลงทุนได้ประโยชน์จากนโยบายดึงดูดการลงทุนต่างชาติ มองเป็นการลงทุนระยะกลางถึงยาว กลุ่มหุ้นใหญ่เกี่ยวข้องกับบริษัทที่มีโมเดลธุรกิจแบบยั่งยืน (ESG) เช่น SCC,PTT รวมถึงหุ้นธนาคารพาณิชย์ มักจะได้รับอานิงส์ปรับตัวขึ้นตามฟันด์โฟลว์ไหลกลับเข้าหุ้นไทย
นอกจากนี้แนะนำกลยุทธ์ลงทุนหุ้นเด่นไตรมาส 4 ปีนี้ มีกำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ ได้แก่ AOT , BCH , CRC , KCE, KTB
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า กล่าวว่า การประชุม UNGA78 นั้น ประเทศไทยถือว่าสร้างสีสันได้พอสมควร ผ่านการนำเสนอ BCG Model และตั้งเป้า Carbon Neutral ในปี 2593 รวมถึง การจัดหาเงินทุนเพื่อสนับสนุนธุรกิจสีเขียว (Sustainability Bond)
ขณะเดียวกัน ในระหว่างการประชุม ได้มีการพูดคุยกับบริษัทชั้นนำของโลก ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณครั้งแรกของรัฐบาล ในการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ ซึ่งหากสามารถดึงเม็ดเงินลงทุนผ่าน BOI และตลาดหุ้นไทยในปีหน้าได้สำเร็จ เชื่อว่าจะหนุนให้ ดัชนีหุ้นไทยกลับมาปรับตัวดีกว่าภูมิภาค ( Outperform ) ได้โดดเด่นในปีหน้า โดยเริ่มมีเซนทริเม้นต์เชิงบวกปลายปีนี้ มองเป้าหมายดัชนีสิ้นปีนี้ที่ 1,630 จุด
กลุ่มหุ้นที่ได้ Sentiment เชิงบวกจากการประชุม UNGA และสามารถเก็งกำไรตามในระยะสั้นได้ คือ นิคมอุตสาหกรรม ,โครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสาร และพลังงานสะอาด หรือทยอยสะสมหุ้นกลุ่ม Domistic Play เพื่อรอความชัดเจนของนโยบายดิจิทัลวอเล็ต
รวมถึงการเข้ามาลงทุนของ Google และ Amezon ในด้านดาต้าเซ็นเตอร์จะหนุนให้เป็นโอกาสทางธุรกิจของSYMC จากโอกาสได้งานเชื่อมต่อ traffic ระหว่างประเทศมากขึ้น นอกจากนี้ INSETเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกเก็งกำไรในประเด็นดังกล่าว กับโอกาสได้งานประมูลการก่อสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ในระยะถัดไป
ขณะที่หุ้นไทยยังมีมููลค่าการซื้อขายเบาบาง ไร้ปัจจัยใหม่จากการรอความชัดเจนของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุมครม. วันนี้ (26 ก.ย.)รวมถึงการประชุมกนง.ในวันพุธ (27 ก.ย.) คาดกนง.ยังคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2.25%