บล.ดีบีเอส มองหุ้นโค้งท้ายปีฟื้น แรงส่งรัฐกระตุ้นศก.ดันดัชนีแตะ 1,650 จุด
บล.ดีบีเอส คาดเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปีนี้ที่ 1,650 จุด รับแรงส่ง มาตรการกระตุ้นศก.รัฐบาล จับตาความท้าทายการบริหารฐานะการคลัง ใช้นโยบายประชานิยมขนาดใหญ่ แนะลงทุนไตรมาส 4 ชูหุ้นเด่น BBL-CPALL-CRC- AOT- AMATA- PTTEP พร้อมเปิดตัว DBSV mTrading Thailand ลุยหุ้นนอกผ่านมือถือ
นางสาวอาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการบริหาร ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวในงานสัมมนา หัวข้อ “ปรับกลยุทธ์ จับเทรนด์ การลงทุนหุ้นไทย-เทศ ว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทย ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน(สิ้นสุด ( 25 ก.ย) ปรับตัวลดลง 10% ซึ่งถือว่า Underperform เมื่อเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยของภาพรวมตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4% และค่าเฉลี่ยตลาดหุ้นโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น 6%
โดยนักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิต่อเนื่อง (YTD) 154,956 ล้านบาท ซึ่งปัจจัยที่กดดันตลาดคือ ความไม่ชัดเจนทางการเมืองหลังเลือกตั้งเสร็จเมื่อ 14 พ.ค.66 ภาคส่งออกที่หดตัว และการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนที่ช้ากว่าคาดเพราะปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ทำให้เศรษฐกิจจีนชะลอตัว รวมถึงตัวเลขผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 2/2566 ที่กำไรสุทธิปรับตัวลดลง 37%
ฝ่ายวิจัยฯ ให้เป้าหมายดัชนีไว้ที่ 1,650 จุด โดยอิงกับ P/E 18.8 เท่า และเป้าหมายปี 2567 อยู่ที่ 1,750 จุด โดยปัจจัยที่สนับสนุนคือการฟื้นตัวของกำไรบริษัทจดทะเบียน ที่คาดว่าจะพลิกมาเป็นบวกในช่วงครึ่งปีหลัง และเติบโตต่อเนื่องไปจนถึงปี 2567 โดยเฉพาะกลุ่มการท่องเที่ยวและบริโภค
รวมถึงความคาดหวังว่าเศรษฐกิจในปีหน้าจะโตขึ้น จากมาตรการต่างๆ ของรัฐบาลชุดใหม่ อย่างไรก็ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ถือเป็นความหวัง แต่ขณะเดียวกันก็เป็นความกังวลและความท้าทาย จากกรณีที่เป็นรัฐบาลผสมหลายพรรค การบริหารฐานะการคลัง จากการใช้นโยบายประชานิยมขนาดใหญ่ ซึ่งถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่นักลงทุนต้องติดตาม นอกจากนั้นยังมีประเด็นปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ และความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศ ถ้ามีความรุนแรงมาก ก็อาจทำให้ดัชนีไปไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้
นายสมบัติ เอกวรรณพัฒนา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวถึง การลงทุนในไตรมาส 4/66 พิจารณาคัดสรรหลักทรัพย์จากอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่ง และสร้างผลตอบแทนระยะยาว โดยเกณฑ์ในการคัดสรรหุ้น Top Buy เลือกจากการเป็นผู้นำตลาดในอุตสาหกรรม เป็นบริษัทมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่ดี งบดุลมีความแข็งแกร่ง มีแนวโน้มผลประกอบการเติบโตของกำไรสุทธิเป็นบวก และการประเมินมูลค่าหุ้น (Valuation) ที่ราคายังต่ำ มีส่วนต่างเพิ่มที่น่าสนใจ
กลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับปัจจัยบวกจากนโยบายภาครัฐ และมีแนวโน้มได้รับผลตอบแทนที่ดีในส่วนของภาคการบริโภคในประเทศ จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและนโยบายการกระตุ้นจากภาครัฐ หลักทรัพย์ที่ได้รับปัจจัยบวกและพื้นฐานดี ในกลุ่มพาณิชย์ แนะนำ CPALL ,CRC กลุ่มธนาคารพาณิชย์ BBL , KTB ด้านการท่องเที่ยว มีการฟื้นตัวชัดเจน ทั้งในช่วงที่เหลือของปีนี้ และต่อเนื่องไปถึงปีหน้า หลักทรัพย์แนะนำ AOT ,MINT
กลุ่มพลังงาน ที่คาดราคาน้ำมันจะปรับขึ้น จากการพยายามลดอุปทานโดยกลุ่มโอเปกพลัส หลักทรัพย์ที่ได้รับประโยชน์คือ PTTEP ,TOP,BCP และยังมีหลักทรัพย์ที่แนะนำใน กลุ่มสื่อสาร คือ ADVANC ด้านกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง CK กลุ่มอาหาร แนะนำ CPF ,TU กลุ่มอสังหา AP ,CPN , AMATA และกลุ่มการแพทย์คือ BDMS ,EKH
ล่าสุด แอปพลิเคชันการซื้อขายหลักทรัพย์ต่างประเทศผ่านมือถือ “DBSV mTrading Thailand” ให้บริการทั้งในระบบ iOS และ Android เพื่อความสะดวก และเพิ่มศักยภาพการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพให้กับนักลงทุน รวมทั้งเป็นการเปิดรับเทคโนโลยี Digital การลงทุนใหม่ ๆเพื่อให้สอดรับกับเมกะเทรนด์โลก สร้างโอกาสการแข่งขันและพัฒนานวัตกรรมเพื่อการเติบโตของธุรกิจมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เป็นทางเลือกให้กับนักลงทุน
นายวิชญ์นนท์ วงษ์ไชยคุณากร ผู้อำนวยการ อาวุโส ฝ่าย Digital Business บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า DBSV mTrading Thailand” เป็นบริการซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านมือถือ แห่งแรกแห่งเดียวที่มีภาษาให้ลูกค้าเลือกได้ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ สามารถลงทุนได้ถึง 9 ตลาด ใน 7 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ ฮ่องกง ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย อเมริกา แคนาดา และอังกฤษ พร้อมด้วยข้อมูล และเครื่องมือช่วยในการลงทุนอย่างครบถ้วนทั้งทางเทคนิค และพื้นฐาน ข้อมูลเชิงลึก ราคาเป้าหมาย พร้อมความเห็นจากนักวิเคราะห์ (consensus) จากนักวิเคราะห์ทั่วโลก และบริการอีกมากมาย