ตลท. รับลูกนายกฯ 'ขยายเวลาเทรดหุ้น' เร่งศึกษาเพิ่ม -เฮียริ่งผลดีผลเสีย
ตลท. เผยหลังหารือกับนายกฯ รับข้อเสนอ ศึกษาขยายเวลาเทรดหุ้นเพิ่มเติมให้ได้ประโยชน์สูงสุด-เฮียริ่งทุกส่วนในตลาดทุนก่อน หวังหนุนวอลุ่มตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้น และชง 4 แนวทางพัฒนาตลาดทุนไทย ดูดฟันด์โฟลว์ไหลกลับ
ภายหลังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) หารือ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ผ่านมา ถึงแนวทางการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนเพิ่มในตลาดหลักทรัพย์ฯ รับข้อเสนอดำเนินการเชิงรุก เพื่อแสดงให้นักลงทุนต่างชาติ เห็นว่าตลาดหลักทรัพย์ฯ มีความพร้อมและมีศักยภาพไม่แพ้ตลาดอื่น ๆ ในภูมิภาค และการขยายระยะเวลาในการซื้อขายหลักทรัพย์ (หุ้น) เพิ่มขึ้น
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลท. เปิดเผยว่า ตลท.เตรียมศึกษาเพิ่มเติม เกี่ยวกับการขยายระยะเวลาในการซื้อขายหลักทรัพย์ฯเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ในอดีตตลท.ได้มีการศึกษาไว้แล้วและยังไม่เห็นประโยชน์ที่สูงนัก แต่ตอนนี้เห็นว่าควรนำกลับมาทบทวนใหม่
เมื่อรับข้อเสนอนายกฯ จะเร่งนำผลการศึกษา เสนอที่ประชุมคณะกรรมการตลท. และมาขอรับฟังความคิดเห็น (เฮียริ่ง) จากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในตลาดทุน เพื่อให้ได้ถึงประโยชน์สูงสุดหรือข้อจำกัดที่จะเกิดขึ้นให้เร็วที่สุด
" ตลท. ไม่ได้ติดขัดหรือมีข้อจำกัดในการปรับเพิ่มเวลาซื้อขายหุ้น เพราะระบบของตลท.สามารถเปิดการซื้อขายได้ตลาดเวลาและศึกษามาโดยตลอดว่าช่วงเวลาซื้อขายควรจะปรับปรุงอย่างไรบ้าง แต่คงต้องไปศึกษาเพิ่มเติมถึงประโยชน์ที่จะได้สูงสุด คือการขยายเวลาหรือการทำอะไรยังไงบ้าง "
นายภากร กล่าวว่า สำหรับประโยชน์ของการขยายระยะเวลาเทรด ขึ้นอยู่กับว่าขยายเวลาในช่วงไหน ช่วงเช้า เที่ยงหรือเย็น เพราะการซื้อขายของตลาดหุ้นทั่วโลกต่อเนื่องกัน แต่ละช่วงไม่เหมือนกัน มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป
โดยช่วงที่จะขยายเวลาตรงกับตลาดเอเซีย ยุโรป หรือสหรัฐฯหรือไม่ และในแต่ละช่วงเวลาที่ไม่เหมือนกัน อาจได้วอลุ่มมาจากนักลงทุนที่แตกต่างกันด้วย เช่น ช่วงเช้าอาจมาจากนักลงทุนกลุ่มเอเซีย ช่วงเที่ยงเป็นนักลงทุนกลุ่มเอเซียกับยุโรป และช่วงเย็นเป็นกลุ่มนักลงทุนยุโรปเป็นหลัก ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งที่ต้องไปดูว่ากลุ่มนักลงทุนกลุ่มไหนที่เราน่าจะได้ประโยชน์สูงสุด
นายภากร กล่าวต่อว่า ส่วนข้อเสนออื่นๆ ที่ได้รับจากนายกฯ ถือว่าสอดคล้องกับแผนพัฒนาตลาดทุนไทยที่ทำอยู่แล้ว 4 เรื่อง คือ
1.การปรับกระบวนการทำงาน การให้ข้อมูล การจัดการการซื้อขายหุ้น และการยกระดับการจัดการของบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) ให้ความเชื่อมั่นกลับมาในตลาดทุนให้ได้มากขึ้น
2. การมีผลิตภัณฑ์ใหม่และออกไปชักชวนหรือโรดโชว์ นักลงทุนต่างชาติให้เห็นถึงความสามารถในการทำกำไรและศักยภาพของบริษัทจดทะเบียนไทยที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้ เพื่อดึงดูดให้นักลงทุนกลับมาลงทุนในตลาดทุนไทยมากขึ้น
3. การทำให้ตลาดทุนไทยเป็นที่นักลงทุนรายย่อยและธุรกิจรายย่อย สามารถใช้ตลาดทุนไทยทั้งในการระดมทุนและไปลงทุนในต่างประเทศได้
4. การผลักดันตลาดทุนไทยไปสู่ระดับภูมิภาค