ปลดล็อก ESSO | ออฟเรคคอร์ด
ดีลใหญ่กลุ่มพลังงาน BCP ซื้อหุ้น ESSO ขั้นตอนสุดท้ายก่อนจะรู้ผลได้หุ้นในมือได้เท่าไร และเงินที่ต้องใช้ซื้อในรอบนี้
๐๐๐ ปลดล็อก ESSO
ดีลใหญ่กลุ่มพลังงาน BCP ซื้อหุ้น ESSO ขั้นตอนสุดท้ายก่อนจะรู้ผลได้หุ้นในมือได้เท่าไร และเงินที่ต้องใช้ซื้อในรอบนี้
ตามเงื่อนไข Tender Offer ที่เหลือ 1,177 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 9.8986 บาทต่อหุ้น หลังได้หุ้นจาก ExxonMobil มาไว้ในมือแล้ว 2,283 ล้านหุ้นหรือ 65.99% ใช้เงินไป 22,605 ล้านบาท
หลังเปิดโต๊ะ “ไล่ซื้อ” หุ้น ESSO ใกล้ “จบ 12 ต.ค. ” ราคาหุ้นจากที่แทบไม่ขยับไปทางไหน ปรากฏราคาหุ้นพุ่งพรวดมาปิดตลาดสูงสุดในรอบปี 10.50 บาท เพิ่มขึ้นไป 6%
พร้อมกับวอลุ่มไล่ซื้อเกือบทะลุ 1,000 ล้านบาท มองดูแล้วไม่พ้นเตรียมไม้แรก ไล่เก็บของกันแล้ว เพราะประเมินแล้ว ใครมีก็ไม่ยอมขาย - และยังเก็บเพิ่มในตลาดอีก
ถึงเวลาได้ “ปลดล็อกราคาหุ้น” รับอานิสงส์ ธุรกิจโรงกลั่น -ไม่ออกจากตลาดหุ้น - สภาพคล่องเหลือน้อย - มีลุ้นปันผลหนัก เข้าทางรายย่อย - กองทุนเลย
๐๐๐
ตลาดหุ้นพลิกมุมมอง จากประเด็นสงครามอิสราเอล และกลุ่มฮามาสที่ยังโจมตีรุนแรง ด้วย ไม่ได้ขยายวงความรุนแรงเพิ่มเติม หลังกองทัพอิสราเอลปิดล้อมฉนวนกาซาแบบเบ็ดเสร็จ และรายงานกลุ่มฮามาสเริ่มเปิดช่องเจรจาด้วยการเสนอหยุดยิงแลกกับการทำร้ายตัวประกัน รวมทั้งอิหร่านได้มีการออกมาระบุไม่เกี่ยวข้องกับการโจมตีดังกล่าวทำให้ไม่เกิดมาตรการคว่ำบาตรตามมา
๐๐๐
บวกกับปัจจัยหนุน และเป็น ความหวังตลาดทุนหลังเริ่มมีมุมมองประธาน FED อย่าง “ ราฟาเอล บอสติก” สาขาแอตแลนตา “ลอรี โลแกน “ สาขาดัลลัส หนุน FED “ไม่จำเป็นต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง” เพื่อกดอัตราเงินเฟ้อที่ 2% จากการดำเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวดอย่างต่อเนื่อง
๐๐๐
ตลาดหุ้นไทยกลับมารีบาวด์หลังทำนิวไลว์รอบใหม่ไปที่ 1,436 จุด ปรับตัวระหว่างวันขึ้นมาแรงนำโดย "หุ้นพลังงานและหุ้นอิเล็กทรอนิกส์ " ดัชนีหุ้นไทยปิดในแดนบวกได้ตลอดทั้งวันที่ 1,455.99 จุด เพิ่มขึ้น 21.54 จุด เปลี่ยนแปลง 1.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 53,301.19 ล้านบาท
๐๐๐
หุ้นนำตลาด และราคารีบาวด์ได้แรงกว่าตลาดยกให้ HANA ที่ถือว่าแข็งแกร่งในรอบนี้ ลงไม่ลึกแต่รีบาวด์แรงหลังโบรกเกอร์ขยับราคาเป้าหมายไป 80 บาท รวมทั้ง DELTA จากความคาดหวังเศรษฐกิจจีนฟื้นตัว หลังรัฐบาลเตรียมจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ตามคาดระหว่างการออกพันธบัตร หรือลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 1.1 ล้านล้านหยวน
๐๐๐
ฤดูการ “งบหุ้นแบงก์” กลับมาอีกรอบ ซึ่งประเดิมด้วยเจ้าประจำ TISCO วันที่ 12 ต.ค. นี้ บล.ฟินันเซีย ไซรัส คาดรายงาน Q3/66 คาดที่ 1.86 พันล้านบาท +0.4% q-q, +5% y-y สินเชื่อที่เติบโตโดยเฉพาะรายย่อยที่เป็นHigh Yield ขณะที่ NPL และ Credit Cost ยังขยับตัวขึ้น และคาดจ่าย Dividend Yield ต่อปีราว 8%
๐๐๐
หุ้นขึ้นต้องมีหุ้นลงรอบนี้ CPF เกือบจะหลุดนิวโลว์รอบใหม่หลังราคาลงลึก 18.60 บาท ราคาต่ำสุดรอบเกือบ 10 ปี ก่อนจะเห็นรีบาวด์ที่ 19.10 บาทเพิ่มขึ้น 2.69% นักลงทุนตกใจจากตัวเลขคาดการณ์งบ Q3/66 จะขาดทุนกว่า 4,281 ล้านบาท เพิ่มจาก 792 ล้านบาท Q 2/66 ปัจจัยลบจากราคาเนื้อสัตว์ลดแรง และธุรกิจค้าปลีก CPALL มีรายใหม่เข้ามาชิงส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มไม่สามารถกินรวบได้เหมือนในอดีต
๐๐๐
อีกรายที่ถูก ตลท. จี้งบการเงิน EE พบ “ขาดทุนจากรายการพิเศษ รวม 164 ล้านบาท” ส่อกระทบสภาพคล่องบริษัท หลัง Q2/2566 บันทึกผลขาดทุนจากการด้อยค่าของค่าความนิยม และเงินลงทุน รวมทั้งบันทึกค่าเผื่อการปรับลดมูลค่าสินค้าในธุรกิจค้า และผลิตกัญชง รวม 94 ล้านบาท
และยังมีผลขาดทุนจากการวัดมูลค่าเงินลงทุนในตราสารทุนที่เป็นบริษัทจดทะเบียน (Unrealized Loss) อีก 66 ล้านบาท รวม 160 ล้านบาท ทำให้ H1 ปี 2566 มีผลขาดทุนสุทธิ 164 ล้านบาท กระทบต่อผลการดำเนินงาน ฐานะการเงิน และสภาพคล่อง ของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์