ดาวโจนส์บวกในกรอบแคบ หลังแบงก์ใหญ่เผยผลประกอบการแข็งแกร่ง
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันศุกร์(13ต.ค.)ปรับตัวขึ้นในกรอบแคบ หลังธนาคารรายใหญ่ ๆ เผยผลประกอบการแข็งแกร่ง ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลดลง
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 39.15 จุด หรือ 0.12% ปิดที่ 33,670.29 จุด
- ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ร่วงลง 0.50% ปิดที่ 4,327.78 จุด
- ดัชนีแนสแด็ก ร่วงลง 1.23% ปิดที่ 13,407.23 จุด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 39.15 จุด หรือ 0.12% ปิดที่ 33,670.29 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ร่วงลง 0.50% ปิดที่ 4,327.78 จุด และดัชนีแนสแด็ก ร่วงลง 1.23% ปิดที่ 13,407.23 จุด
ทั้งนี้ หุ้นเจพีมอร์แกนปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.43% หลังเผยกำไรและรายได้สูงกว่าคาดในไตรมาส 3/2566 เนื่องจากมีรายได้จากดอกเบี้ยสูงกว่าคาด ขณะที่ต้นทุนในการให้สินเชื่อน้อยกว่าที่คาดไว้
ส่วนหุ้นซิตี้กรุ๊ปปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.24% หลังทางธนาคารเผยกำไรและรายได้สูงกว่าคาดในไตรมาส 3/2566 โดยได้รับปัจจัยหนุนจากธุรกิจในกลุ่มบริการที่ปรึกษาทางการเงินส่วนบุคคลและลูกค้าภาคสถาบัน
นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับถ้อยแถลงจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ด้วย โดยนายแพทริค ฮาร์เกอร์ ประธานเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยว่า ตนเชื่อว่าเฟดไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกแล้ว และหากดอกเบี้ยอยู่ในวงจำกัด เงินเฟ้อจะชะลอตัวลงเอง
นายฮาร์เกอร์กล่าวว่า "กลไกเศรษฐกิจเป็นเรื่องที่เร่งไม่ได้ โดยการปรับขึ้นดอกเบี้ยที่ผ่านมาต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะส่งผลเต็มที่ การคงดอกเบี้ยไว้ในระดับเดิมจะปล่อยให้นโยบายการเงินได้ทำงาน"
ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้น เนื่องจากนักลงทุนกลับมาวิตกอีกครั้งเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังจากมีการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงเกินคาด และตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง
บรรดานักลงทุนวิตกว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นการประชุมนโยบายการเงินครั้งสุดท้ายในปีนี้ หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) สูงกว่าคาดในเดือนก.ย. และตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งบ่งชี้ตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง และจะเป็นปัจจัยหนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย