KBANK ไตรมาส3/66 กำไร 1.12 หมื่นล้าน โต 6.7% เหตุรายได้ดอกเบี้ยเพิ่ม
KBANK ไตรมาส3/66 กำไร 1.12 หมื่นล้าน โต 6.7% เหตุรายได้ดอกเบี้ย-รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเพิ่ม ด้านการตั้งสำรองฯ 1.27 หมื่นล้าน เพิ่มขึ้น จากช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 9.94 พันล้าน แต่ไกล้เคียงไตรมาสก่อนหน้า หนุน 9 เดือน กำไร 3.3 หมื่นล้าน เพิ่มขึ้น 1.35%
นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า ในไตรมาส3ปี2566 ว่า ธนาคารมีกำไรสุทธิ 11,281.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.69% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 10,573.98 ล้านบาท เนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 38,019 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 33,088 ล้านบาท และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 9,096 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มี8,647 ล้านบาท
ส่วนผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น 12,793 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จากช่วงเดียวกันปีก่อนท 9,948 ล้านบาท แต่เมื่อเทียบกับไตรมาส2 ปี 2566 อยู่ที่ 12,784 ล้านบาท ถือว่าใกล้เคียงกัน
ส่วนผลดำเนินงาน9 เดือน 2566 มีกำไรสุทธิ 33,017 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.35% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน แม้ว่ากำไรจากการดำเนินงานก่อนหักผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและภาษีเงินได้มีจำนวน 81,298 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.90% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยธนาคารและบริษัท ย่อยคงดำเนินการตามหลักความระมัดระวังรอบคอบอย่างสม่ำเสมอ ในการพิจารณาตั้งสํารองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น( Expected credit loss : ECL)
ทั้งนี้เพื่อเสริมความแข็งแกร่งควบคู่ไปกับการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์เชิงรุกอย่างต่อเนื่องคำนึงถึงสัญญาณการชะลอตัว และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกรวมทั้งยังปัจจัยทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ที่ยังส่งผลใหก้ารขยายตวัของภาวะเศรษฐกิจในประเทศอยู่ในกรอบจำกัด จึงพิจารณาตั้งสำรองเพิ่มขึ้น 31.35% จากช่วงเวลาเดียวกนัของปีก่อน และเมื่อเปรียบเทียบสำรองฯ ในไตรมาส 3 กับไตรมาสก่อนๆ สํารองฯ ยังอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน ซึ่งสอดคล้องกับที่ธนาคารได้ประมาณการไว้ก่อนหน้า นอกจากนี้ธนาคารยังมีการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพอย่างสม่ำเสมอตามยุทธศาสตร์ของธนาคาร
สำหรับ ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 ธนาคารและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวมจำนวน 4,266,004 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2565 จำนวน 19,635 ล้านบาท หรือ 0.46% หลัก ๆ เกิดจากรายการระหว่างธนาคารและตลาดเงินสุทธิเพิ่มขึ้น ในขณะที่เงินให้สินเชื่อสุทธิลดลงจากการพิจารณาปล่อยสินเชื่อด้วยความระมัดระวัง และการจัดการคุณภาพสินทรัพย์ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทั้งนี้ เงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (%NPL gross) อยู่ที่ระดับ 3.11% และค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 154.90% สำหรับอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่อสินทรัพย์เสี่ยงของกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทยตามหลักเกณฑ์ Basel III ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 ยังคงมีความแข็งแกร่งอยู่ที่ 19.62% โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 อยู่ที่ 17.65%