‘เดอะคลีนิกค์’ ปั้นเดอะบิวติเวิร์ส ต่อจิ๊กซอว์โต จับคนรักสวยไม่มีสิ้นสุด

‘เดอะคลีนิกค์’ ปั้นเดอะบิวติเวิร์ส ต่อจิ๊กซอว์โต จับคนรักสวยไม่มีสิ้นสุด

“ความสวย” เป็นสิ่งที่ผู้บริโภครอไม่ได้ และความสวยยังเป็นสิ่งที่ไม่มีจุดสิ้นสุดด้วย เป็นปัจจัยทำให้ธุรกิจด้านการแพทย์ความงาม (Aesthetics Skin) ทั้งบริการด้านผิวหนัง ศัลยกรรมตกแต่งความงาม (Aesthetics Surgery) โตวันโตคืน

ยิ่งกว่านั้น การันตีโดยผู้เล่นในธุรกิจด้านการแพทย์ความงามรายสำคัญอย่าง “เดอะคลีนิกค์” ที่เส้นทางธุรกิจ 14 ปี มีการเติบโตต่อเนื่อง 

“14 ปี เดอะคลีนิกค์โตมาโดยตลอด ปัจจัยทั่วไป เช่น เศรษฐกิจชะลอตัว เหตุการณ์ต่างๆ ไม่เคยส่งผลกระทบต่อเรื่องความงาม สุขภาพ เพราะตอนนี้เป็นปัจจัยที่ 5 ของผู้คนไปแล้ว” 

นายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด(มหาชน)หรือ KLINIQ ฉายภาพให้ “กรุงเทพธุรกิจ” ฟังว่า ปลุกปั้นเดอะคลีนิกค์จาก Passion สนใจเรื่องนวัตกรรม การเลเซอร์ผิวหนัง และเทคโนโลยีการแพทย์ด้านความงาม (Medical Aecthetic Technology) ซึ่งหลังจบการศึกษาปริญญาตรี แพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากนั้นไปศึกษาต่อด้านเลเซอร์ผิวหนัง (fellowship in dermatology) ที่ Harvard Medical School ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อกลับมาประเทศไทยจึงรุกเปิดคลินิกให้บริการด้านผิวหนัง และความงามแห่งแรกที่สยามสแควร์

ปัจจุบันกิจการ “เดอะคลีนิกค์” เติบโตอย่างมาก มีคลินิกให้บริการ ณ สิ้นปี 2566 แตะ 55 สาขา ทั้งกรุงเทพฯและต่างจังหวัด สร้างฐานลูกค้าที่มาใช้บริการกว่า 2 แสนราย ทำรายได้รวมสู่ “อาณาจักรพันล้าน” ก้าวขึ้นเป็นผู้เล่นอันดับต้นๆ มีแบรนด์แกร่งเป็น Top of Mind ในเซ็กเมนต์พรีเมียม รวมทั้งผลักดันบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ MAI ได้สำเร็จเป็นบริษัทแรกของธุรกิจ Aesthetics

  • เนรมิต “เดอะคลีนิกค์” สู่จักรวาลความงาม

นายแพทย์อภิรุจ เล่าภารกิจ 5 ปีข้างหน้า(2566-2570) ต้องการสร้างอาณาจักร “เดอะคลีนิกค์” ให้เป็น “จักรวาลความงาม” หรือบิวติเวิร์ส (Beauty+Universe) กลยุทธ์สานเป้าหมาย “บิวติเวิร์ส” บริษัทจะใช้เงินลงทุนราว 300 ล้านบาทต่อปี เปิดเดอะคลีนิกค์ไม่ต่ำกว่าปีละ 10 สาขา ส่งผลให้ภายในปี 2570 มีคลินิกให้บริการแก่ลูกค้าทะลุ “ร้อยสาขา” โดยปี 2566 เปิดไปแล้วถึง 14 สาขา 

‘เดอะคลีนิกค์’ ปั้นเดอะบิวติเวิร์ส ต่อจิ๊กซอว์โต จับคนรักสวยไม่มีสิ้นสุด นอกจากนี้ จะรุกหนักบริการด้านการแพทย์ความงามให้ครบวงจรยิ่งขึ้น ได้แก่ ด้านศัลยกรรมความงาม เช่น การเสริมหน้าอก ซึ่งมีเทคนิคทำแผลผ่าตัดเล็กเพียง 12 มิลลิเมตร(มม.)เท่านั้น การผ่าตัดแก้ไขโครงสร้างจมูกโดยไม่ใช้ซิลิโคนฯ หลังลุยตลาดได้ราว 1 ปี ช่วยผลักดันการเติบโตของแผนกศัลยกรรมกว่า 100% 

อีกจิ๊กซอว์การเติบโตคือ ขยายบริการด้านการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม (Hollistic Wellness) รองรับ “เทรนด์ผู้บริโภค” ที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น การ “ป้องกัน” ก่อนเกิดโรคภัยไข้เจ็บ สังคมสูงวัย (Aging Society) ทำให้ผู้คนต้องการแก่อย่างมีคุณภาพ ใช้ชีวิตให้คุ้มค่า จากไป(ตาย)แบบยังสวยหล่อ แข็งแรงหรือ Die young as late as possible เป็นต้น

  • ขุมทรัพย์ศัลยกรรม-สุขภาพ

ปัจจุบันตลาดธุรกิจการแพทย์ความงามมีมูลค่าราว 6 หมื่นล้านบาท ภายในปี 2573 มีแนวโน้มโต “เท่าตัว” มูลค่าแตะ 1.2 แสนล้านบาท หรือเติบโตอัตรา 2 หลักต่อปี หากเจาะลึกผู้เล่น 10 อันดับแรก ในตลาดความงามด้านผิวหนังสร้างมูลค่าตลาด(รายได้)กว่า 1 หมื่นล้านบาท ส่วนตลาดศัลยกรรมความงาม 10 อันดับแรกรายได้รวม 5,000 ล้านบาท สะท้อน “โอกาสตลาดมหาศาล” แรงหนุนการเติบโตของ “เดอะคลีนิกค์”

ด้านพฤติกรรมผู้บริโภคเปิดกว้างกับการศัลยกรรมมากขึ้น เพราะการดูดีจากภายนอก “เพิ่มโอกาสให้ชีวิต” ทั้งหน้าที่การงาน มีโอกาสเจอคนมากขึ้น คนยุคใหม่ไปศัลยกรรมแล้ว “กล้ารีวิว” บอกต่อ มีสื่อสังคมออนไลน์ทรงพลังช่วยสร้างการรับรู้ ส่วนการดูแลสุขภาพใน 5-10 ปีข้างหน้า จะเห็นการพฤติกรรมการเปลี่ยน (Shift) จากตลาดผลิตภัณฑ์ความงาม (Beauty-Skincare) มาสู่การสรรหาบริการทางการแพทย์เพื่อความงามมากขึ้น เช่น การเลเซอร์ผิวหนัง การศัลยกรรมความงาม เป็นต้น

“ความสวยไม่เหมือนบุฟเฟต์ที่รับประทานแล้วอิ่ม มันมีวันไม่พอ คนเราอยากสวยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และความสวยไม่มีจบ”

  • ลุยธุรกิจโรงพยาบาล

หมากรบสำคัญอีกอย่างคือ การลุย “ธุรกิจโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านความงามและสุขภาพ” ซึ่งนายแพทย์อภิรุจ เล่าแผนว่า บริษัทอยู่ระหว่างหาที่ดินใจกลางย่านธุรกิจ(CBD)ขนาด 1-2 ไร่ เพื่อสร้างโรงพยาบาลมีพื้นที่ราว 5,000 ตารางเมตร(ตร.ม.) รองรับบริการด้านความงามแบบครบวงจร บริการศัลยกรรม เวลเนสเซ็นเตอร์ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 500 ล้านบาท 

โรงพยาบาลดังกล่าว จะรองรับบริการอื่นๆ เพิ่มขึ้น เช่น การผ่าตัดแปลงเพศ การผ่าตัดลดขนาดของกระดูกโหนกแก้ม การผ่าตัดหนังหน้าท้อง ซึ่งต้องนอนค้างคืนเพื่อสังเกตอาการ 

สำหรับตลาดโรงพยาบาลเอกชนมีมูลค่ากว่า 3.3 แสนล้านบาท แต่แนวโน้มธุรกิจด้านความงามในอีก 7 ปี จะมีสัดส่วน 1 ใน 3 ของธุรกิจโรงพยาบาลในขณะนี้

‘เดอะคลีนิกค์’ ปั้นเดอะบิวติเวิร์ส ต่อจิ๊กซอว์โต จับคนรักสวยไม่มีสิ้นสุด

ในอนาคตบริษัทยังมองการขยายธุรกิจสู่ตลาดความงาม (Beauty) ด้วย

“การทำตลาดด้านการแพทย์ความงาม หรือ Aesthetics มองข้ามช็อตการเป็นเบอร์ 1 ไป แล้ว แต่มองภาพรวมการทำธุรกิจเพื่อสุขภาพหรือ Healthcare ในระดับโรงพยาบาลโดยรวม มองเป้าหมายระยะยาวในการติด Top 10 ของธุรกิจโรงพยาบาลในระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก”

  • เดอะคลีนิกค์ แบรนด์แกร่ง-บริการคือจุดแข็ง

จุดแข็ง “เดอะคลีนิกค์” คือ การยกกระชับปรับรูปหน้าต่างๆ เช่น โปรแกรมอัลเทอร่า(Ulthera)นวัตกรรมช่วยยกกระชับผิวหน้า ซึ่งลูกค้านิยมมาใช้บริการสูงสุด การรักษาฝ้า การดูแลรักษาและแก้ปัญหาหลุมสิวด้วยโปรแกรมพิโค่เลเซอร์(Pico Laser) และการปรับรูปหน้าด้วยเทคโนโลยีเทอร์มาร์ท(Thermage) เป็นต้น โดยที่เดอะคลีนิกค์ มีการให้บริการด้วยอัลเทอร่ามากที่สุดในเอเชีย ยังมีเครื่อง Discovery Pico และเครื่อง Thermage FLX มากที่สุดในประเทศไทยอีกด้วย

เพื่อการันตีความเป็นผู้นำนวัตกรรมยกกระชับ ปรับรูปหน้าและลดริ้วรอยของ “เดอะคลีนิกค์” คือ การคว้ารางวัล Ultherapy@Control Unit - Highest Achievement Regional APAC Awards - Category A Winner “อันดับ 1” จากงาน Golden Record Award โดย MERZ Aesthetics ซึ่งเป็นรางวัลใหญ่แห่งวงการยกกระชับปรับรูปหน้าด้วย Ulthera SPT+ จากการจัดอันดับคลินิกทั่วภูมิภาคเอเชียกว่า 10 ประเทศ เช่น เกาหลี ไต้หวัน ฮ่องกง อินเดีย อินโดนีเซีย และสิงค์โปร์ เป็นต้น

“เราคว้าที่ 1 ในเอเชียแปซิฟิก ด้านการเป็นผู้ให้บริหารยกกระชับผิวหน้าด้วยโปรแกรมอัลเทอร่า ซึ่งมีจำนวนเครื่องอัลเทอร่ามากสุดในภูมิภาค ถือเป็นความภูมิใจของเรา เพราะในการแข่งขันต้องแข่งรวมกับเกาหลีใต้ ไต้หวัน ที่เป็นเบอร์ต้นๆ ด้านความงามในภูมิภาค”

‘เดอะคลีนิกค์’ ปั้นเดอะบิวติเวิร์ส ต่อจิ๊กซอว์โต จับคนรักสวยไม่มีสิ้นสุด ส่วนบริการด้านการดูแลสุขภาพ มีบริการเด่นด้านมินิรีแพร์ หรือการกระชับช่องคลอดสุภาพสตรีโดยไม่ต้องผ่าตัด การตรวจภูมิคุ้มกันมะเร็ง การเสริมวิตามินเฉพาะบุคคล(Personalized Vitamin) เป็นต้น

  • มุ่งเป็นผู้นำ “Health-Beauty-Wellness” ในปี 2570 

นายแพทย์อภิรุจ ทิ้งท้ายว่า แผนดังกล่าวจะส่งผลให้ “รายได้” บริษัทเติบโตเฉลี่ย 30% ต่อเนื่องตลอด 5 ปี ซึ่งยังคงเน้นการเติบโตจากภายในหรือ Organic Growth โดยปี 2566 คาดการณ์สร้างรายได้แตะ 2,300 ล้านบาท บริษัทยังเปิดกว้าง “ทางลัด” สร้างการเติบโตจากการควบรวมและซื้อกิจการ(M&A)ด้วย 

“ตอนนี้เรา IPO แล้วมีเงินทุนมากขึ้น จึงวางเป้าหมายการเติบโต 30% เน้นการโตแบบ Organic Growth เป็นหลัก ตลอดเวลาทำธุรกิจ 14 ปี เราไม่เคยมีหนี้ แสดงถึงการเติบโตอย่างระมัดระวัง ช่วงนี้แม้จะรุกหนัก แต่ไม่เกินตัว เพราะเรายังมุ่งเน้นการเติบโตจากภายใน จากแผนงานทั้งหมดจะผลักดันเดอะคลีนิกค์ ให้เป็น Destination และก้าวเป็นผู้นำด้าน Health, Beauty และWellness ภายใน 5 ปีด้วย”

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์