Grab ผนึก BYD ปล่อยกู้คนขับ ผ่อนสูงสุด 72 เดือน เริ่มปี 67 ชูเป้า 5 พันคันในปี 68
Grab ร่วมกับ 7 พันธมิตร เดินหน้าโครงการ Grab EV ดัน 8,000 คัน ภายในปี 68 ล่าสุด เปิดตัวโปรแกรม ‘ผ่อนขับรับรถ’ ผนึก BYD แค่ดูประวัติขับ Grab หักผ่อนรายวันจากค่าบริการ ผ่อนสูงสุด 72 เดือน เริ่มต้นปี 67 คาดได้คนขับ 5,000 คันภายในปี 68 และ ‘เช่าครบจบบนแอป’ หนุนคนขับใช้ EV 10% ตามแผน 5 ปี
นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย หรือ Grab กล่าวว่า ภาวะโลกร้อนและปัญหาสิ่งแวดล้อมถือเป็นประเด็นระดับโลกที่ทุกภาคส่วนตื่นตัวและให้ความสำคัญอย่างยิ่งในปัจจุบัน ทั้งนี้ การส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าจึงกลายเป็นหนึ่งในแนวทางสำคัญที่หลายองค์กร ทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน กำลังผลักดันและมีส่วนร่วมเพื่อมุ่งลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในฐานะผู้ให้บริการแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางและขนส่ง
แกร็บ ตระหนักถึงบทบาทในการป้องกันและลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินธุรกิจในทุกประเทศ รวมถึงส่งเสริมให้คนในวงจรธุรกิจมีส่วนร่วมในการดูแลรักษาและบรรเทาปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยได้ประกาศเป้าหมายและแนวทางที่ชัดเจนในด้านสิ่งแวดล้อมเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายด้านความยั่งยืนภายใต้แนวคิด Triple Bottom Line
สำหรับในประเทศไทย แกร็บได้ส่งเสริมและผลักดันประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการ ‘Grab EV’ ที่มุ่งส่งเสริมให้พาร์ทเนอร์คนขับ-ผู้จัดส่งอาหารหันมาใช้รถ EV เพื่อให้บริการ โดยตั้งเป้าให้มีจำนวนผู้ใช้รถ EV ให้ได้ 10% ของพาร์ทเนอร์ทั้งหมดภายในปี 2569
แม้ปัจจุบันจะมีพาร์ทเนอร์คนขับแกร็บให้ความสนใจและต้องการเปลี่ยนมาใช้ EV สูงถึง 85%1 แต่ยังคงมีหลายปัจจัยที่ถือเป็นข้อจำกัด ไม่ว่าจะเป็น ราคารถที่ค่อนข้างสูง สมรรถนะของรถที่ไม่ตอบโจทย์การให้บริการ รวมถึงระบบโครงสร้างและสถานีชาร์จที่อาจยังมีไม่เพียงพอ
ดังนั้น แกร็บจึงได้ผนึกความร่วมมือกับ 7 พันธมิตรในแวดวง EV ซึ่งประกอบด้วย Rever Automotive, H SEM Motor, STROM, Swap & Go, Auto Drive EV, EV Station PluZ, และ Moove เพื่อผลักดันและขับเคลื่อนโครงการ Grab EV ให้บรรลุเป้าหมายได้อย่างเป็นรูปธรรม
ล่าสุด พร้อมเปิดตัว 2 โปรแกรมใหม่ ‘ผ่อนขับรับรถ’ และ ‘เช่าครบจบบนแอป’ ที่จะช่วยปลดล็อกและทำให้พาร์ทเนอร์คนขับแกร็บสามารถเข้าถึง EV ได้ง่ายขึ้น”
แกร็บยังได้ร่วมมือกับพันธมิตรหลักในการพัฒนา 2 โปรแกรมใหม่ที่จะช่วยแบ่งเบาภาระให้กับพาร์ทเนอร์คนขับ นั่นคือ
1.โปรแกรม “ผ่อนขับรับรถ” (Drive-to-Own): ซึ่งแกร็บเตรียมผนึกความร่วมมือกับ Moove ผู้ให้บริการด้านสินเชื่อยานยนต์ และ Rever Automotive ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า BYD เพื่อเปิดโอกาสให้พาร์ทเนอร์คนขับสามารถเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อใช้ให้บริการรับส่งผู้โดยสารได้โดยไม่ต้องใช้ประวัติทางการเงิน แต่จะพิจารณาอนุมัติสินเชื่อจากประวัติในการให้บริการกับแกร็บ
โดยความพิเศษของโปรแกรมสินเชื่อที่มีระยะเวลาผ่อนนานสูงสุด 72 เดือนนี้คือ พาร์ทเนอร์คนขับไม่ต้องวางเงินดาวน์ และสามารถผ่อนจ่ายได้แบบรายวันผ่านการหักรายได้จากการให้บริการในแต่ละวัน นอกจากนี้ ยังมีสิทธิประโยชน์เสริมอื่นๆ อาทิ ฟรีค่าซ่อมบำรุงรถ รวมถึงครอบคลุมการทำประกันรถยนต์ ประกันสุขภาพและประกันชีวิตให้กับพาร์ทเนอร์คนขับ
ทั้งนี้ โปรแกรมดังกล่าวจะเริ่มเปิดให้พาร์ทเนอร์คนขับแกร็บสามารถจองรถยนต์ไฟฟ้าจาก BYD ได้ในได้ในช่วงต้นปี 2567 และคาดว่าจะทำให้พาร์ทเนอร์คนขับสามารถเข้าถึงรถยนต์ไฟฟ้าได้ทั้งสิ้น 5,000 คันภายในปี 2568
2.โปรแกรม “เช่าครบจบบนแอป” (End-to-end EV Bike rental): โดยแกร็บได้ผนึกความร่วมมือกับ 3 ผู้ผลิตชั้นนำรถยนต์ และผู้นำแพลตฟอร์มสลับแบตเตอรี่รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า อันได้แก่ STROM, H SEM Motor และ Swap & Go เพื่อให้บริการเช่ารถจักรยานยนต์ไฟฟ้าสำหรับพาร์ทเนอร์คนขับที่ให้บริการจัดส่งอาหารผ่าน GrabFood จัดส่งพัสดุผ่าน GrabExpress หรือรับส่งผู้โดยสารผ่าน GrabBike โดยมีอัตราค่าเช่าเริ่มต้นเพียง 125 บาทต่อวัน พร้อมด้วยสิทธิประโยชน์ต่างๆ อาทิ การสลับแบตเตอรีได้ไม่จำกัดรอบตลอด 24 ชั่วโมง การจัดหาอุปกรณ์เสริมให้ เช่น ตะแกรงท้าย ที่วางโทรศัพท์มือถือ และสายชาร์จแบตเตอรีสำหรับชาร์จไฟที่บ้านหรือที่สถานี การจัดหารถสำรองให้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน รวมถึงสนับสนุนค่าบำรุงรักษารถ การทำประกันรถยนต์ชั้น 3+ พร้อมมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลให้คำแนะนำตลอดการใช้งานโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม โดยคาดว่าโปรแกรมนี้จะช่วยให้พาร์ทเนอร์คนขับแกร็บสามารถเข้าถึงรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าของทั้งสามพันธมิตรหลักได้กว่า 3,000 คันภายในปี 2567
นางสาวเมธิณี อนวัชกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจการเดินทางและบริหารพาร์ทเนอร์คนขับ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า แกร็บเริ่มทดลองทำโครงการนำร่องเพื่อส่งเสริมการใช้ EV ในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2563 โดยได้ศึกษาพฤติกรรมการใช้งานและความต้องการของพาร์ทเนอร์คนขับมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เราเข้าใจอินไซต์ของผู้ใช้งานจริง ตลอดจนปัญหาและข้อจำกัดต่างๆ และพยายามใช้ประโยชน์จากข้อมูลเหล่านี้ในการพัฒนาโครงการ Grab EV เพื่อส่งเสริมการเข้าถึง EV ในกลุ่มพาร์ทเนอร์คนขับให้มากขึ้น
"โดยปัจจุบันแกร็บทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงกับภาคส่วนต่างๆ ทั้งบริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่าย EV ผู้ให้บริการสถานีชาร์จและระบบบริหารจัดการชาร์จแบตเตอรี ตลอดจนสถาบันการเงิน เพื่อแชร์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาโซลูชันที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานของพาร์ทเนอร์คนขับให้เหมาะสมที่สุด อาทิ การพัฒนาฟังก์ชันและคุณสมบัติของ EV ทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าให้เหมาะกับรูปแบบการให้บริการ การระบุตำแหน่งสถานีชาร์จหรือจุดสลับแบตเตอรีในบริเวณที่มีผู้ใช้บริการหรือพาร์ทเนอร์คนขับหนาแน่น เป็นต้น”
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการจัดเสวนาพิเศษในหัวข้อ “บทบาทของภาคเอกชนในการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศไทย” โดยได้รับเกียรติจาก 3 ผู้บริหารของบริษัทพันธมิตร ซึ่งประกอบด้วย คุณวิศิษฎ์ พิทยะวิริยากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด คุณอาวีมาศ สิริแสงทักษิณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สวอพ แอนด์ โก จำกัด มร. ลาดี เดอลาโน่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง Moove พร้อมด้วย คุณเมธิณี อนวัชกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจการเดินทางและบริหารพาร์ทเนอร์คนขับ แกร็บ ประเทศไทย ที่มาร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์และทรรศนะในการผลักดันการใช้ EV ในประเทศไทย พร้อมหาแนวทางในการสนับสนุนพาร์ทเนอร์คนขับแกร็บให้สามารถเข้าถึง EV ได้อย่างเป็นรูปธรรม