TU ไตรมาส 3/66 กำไร 1.2 พันล้าน วูบ 52.3% - หั่นเป้ารายได้ปีนี้ลดลง 10-12%
TU ไตรมาส 3/66 กำไร 1.2 พันล้าน วูบ 52.3% เหตุขาดทุน FX - Dilution effect หุ้น ITC - ยอดขายลดลงในทุกกลุ่มธุรกิจหลัก -ราคาขายเฉลี่ยที่ลดลง พร้อมหั่นเป้ารายได้ปีนี้ลดลง10-12% จากเดิมคาดลดลง5-6% จากปีก่อน รวมถึงปรับลดงบลงทุนปีนี้เหลือ 5.0–5.5 พันล้าน จากเดิม 5.5 – 6 พันล้าน
นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU เปิดเผยว่า ไตรมาส 3 ปี 2566 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1.2 พันล้านบาท ลดลง 52.3% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 2.53 พันล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากรายการที่ไม่ได้เกิดจากการดำเนินการตามปกติของธุรกิจ ได้แก่ ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 268 ล้านบาท (เทียบกับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 792 ล้านบาท ในไตรมาส 3/2565)
รวมถึงผลกระทบจาก Dilution effect ของบริษัท ITC เท่ากับ 324 ล้านบาท ซึ่งถูกชดเชยบางส่วนด้วยเครดิตภาษีเงินได้ที่เพิ่มขึ้น และส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วมลดลง อย่างไรก็ตามกำไรสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้น จากไตรมาสก่อน ซึ่งเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกัน จากกำไรขั้นต้น และกำไรจากการดำเนินงานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งโดยมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 3.6%
สำหรับรายได้ไตรมาส 3 ปี 2566 อยู่ที่ 3.39 หมื่นล้านบาท ลดลง 16.8% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้ 4 หมื่นล้านบาท โดยสาเหตุหลักมาจากปริมาณการขายลดลงในทุกกลุ่มธุรกิจหลักของบริษัท รายได้จากค่าขนส่งที่ลดลง และราคาขายเฉลี่ยที่ลดลง
สำหรับเป้าหมายผลดำเนินงานปี 2566 บริษัทตั้งเป้ายอดขายลดลง 10-12% จากเดิมที่คาดว่าจะลดลง 5-6% จากปี 2565 อัตรากำไรขั้นต้นประมาณ 16.5-17.5% สัดส่วน SG&A ต่อยอดขาย ประมาณ 11-12% รวมถึงปรับลดงบลงทุนปีนี้เหลือประมาณ 5-5.5 พันล้านบาท จากเดิมตั้งไว้ 5.5-6 พันล้านบาท
สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญคือ กำลังซื้อของผู้บริโภคทั่วโลกอ่อนแอลง ซึ่งเป็นผลของการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และราคาพลังงานที่สูงขึ้นอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากราคาพลังงาน ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปราคาพลังงาน ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของยุโรปมีแนวโน้มอ่อนตัวลงในเดือนก.ย.
โดยคาดว่ามีผลกระทบเชิงบวกต่อยุโรป เนื่องจากกำลังซื้อกลับมาบางส่วน นอกจากนี้แนวโน้มความต้องการซื้ออาหารทะเลแปรรูปเพิ่มขึ้น ในภาวะเศรษฐกิจถดถอย เนื่องจากอาหารแปรรูปถือเป็นสินค้าที่ราคาไม่แพง อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในสหรัฐเพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบเชิงลบต่อบริษัท จากความต้องการซื้อที่ลดลง โดยเฉพาะธุรกิจร้านอาหาร
ทั้งนี้บริษัทมีกลยุทธ์ในการบริหารจัดการเพื่อเพิ่มผลกำไรของกลุ่มบริษัทคือ มาตรการป้องกันกำไร เพื่อเพิ่มอัตราการทำกำไร มาตรการป้องกันความเสี่ยงอยู่เสมอ เพื่อลดความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยน และดำเนินการติดตามสิ่งแวดล้อมระดับมหาภาคอย่างสม่ำเสมอ ความท้าทายด้านห่วงโซ่อุปทาน และความไม่แน่นอนของการใช้จ่ายของผู้บริโภคทั่วโลกในตลาดหลักของบริษัท
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์