มูลค่า ‘หุ้นพลังงานสะอาด’ ดิ่งทะลุ 70% ด้านเทรดเดอร์เลี่ยงลงทุน Tesla – BYD

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานวันนี้ (27 พ.ย.66) ว่า แรงเทขายหุ้นในกลุ่มพลังงานสะอาดขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มจะดำเนินต่อไปจนถึงปี 2567 ซึ่งนำมาซึ่งการขาดทุนติดต่อกันเป็นปีที่สี่

โดยบทวิเคราะห์ของบลูมเบิร์ก รายงานว่า Sentiment ในเชิงลบดูเหมือนจะ “กลืนกิน” หุ้นกลุ่มสินทรัพย์สีเขียวหลายประเภท โดยที่ Tesla Inc. มีความเสี่ยงที่จะสูญเสียสัดส่วนการลงทุนมากที่สุด 10 อันดับในดัชนี S&P 500 เนื่องจากเกือบสองในสามของผู้ตอบแบบสำรวจ 620 MLIV Pulse ของบลูมเบิร์ก กล่าวว่า

พวกเขาวางแผนที่จะลดการถือครองหุ้นในกลุ่มภาคยานยนต์ไฟฟ้า และ 57% คาดว่ากองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน iShares Global Clean Energy ซึ่งลดลงประมาณ 30% ในปีนี้ จะปรับตัวลงต่อเนื่องจนถึงปี 2567

แนวโน้มที่มืดมนเกิดขึ้นเมื่อนักลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงินเกี่ยวกับพลังงานสะอาดเผชิญกับความตื่นตระหนกของโลกหลังการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ซึ่งทำให้เลวร้ายลงจากสภาวะอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น และยังมีปฏิกิริยาตอบโต้ทางการเมืองอย่างต่อเนื่องในหลายรัฐของสหรัฐอเมริกา เช่นเดียวกับฉากหลังด้านกฎระเบียบโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งอาจนำไปสู่การฟอกเขียว (Green Wash) และส่งผลกระทบต่อการประเมินมูลค่าต่อไป

หากย้อนกลับไปเมื่อสองปีที่แล้ว Tesla มีมูลค่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ ทำให้บริษัทใหญ่เป็นอันดับ 5 ในดัชนี S&P 500 แต่หลังจากนั้นมูลค่าตลาดของบริษัทลดลงต่ำกว่า 8 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 8 ในดัชนีอ้างอิง

ขณะที่เกือบ 50% ของผู้ตอบแบบสอบถาม MLIV Pulse คาดว่าหุ้นบริษัทดังกล่าวจะหลุดออกจาก 10 อันดับแรกในปีหน้า นักลงทุนของ Tesla กำลังหาวิธีตอบสนองต่อผู้บริหารระดับสูงที่สร้างความตกตะลึงให้กับตลาดเป็นประจำด้วยการสร้างการถกเถียงบนสื่อสังคมออนไลน์

ทั้งนี้ จากแบบสอบถามของบลูมเบิร์ก พบว่านักลงทุน 62% จากผู้ตอบแบบสอบถาม 620 คน มองว่าจะหลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นรถยนต์ไฟฟ้าไม่ว่าจะเป็น Tesla, BYD หรือรุ่นอื่นๆ ขณะที่อีก 38% มองต่างว่าหุ้นทั้งสองสร้างผลตอบแทนที่ดีงาม

อ้างอิง

Bloomberg 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์