ดาวโจนส์บวกกว่า 500 จุดหลังเฟดคงดอกเบี้ย พร้อมส่งสัญญาณปรับขึ้นปีหน้า
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันพุธ(13ธ.ค.)ปรับตัวขึ้นกว่า 500 จุด หลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 22 ปี
ดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 512.30 จุด หรือ 1.40% ปิดที่ 37,090.24 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 63.39 จุด หรือ 1.37% ปิดที่ 4,707.09 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 200.57 จุด หรือ 1.38% ปิดที่ 14,733.96 จุด
การประกาศคงอัตราดอกเบี้ยของเฟด เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และเป็นการตรึงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 3 หลังจากที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 11 ครั้งนับตั้งแต่ที่เริ่มวัฏจักรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.2565 ส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 5.25%
ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 3 ครั้งในปี 2567 โดยปรับลดครั้งละ 0.25% รวม 0.75% จากเดิมที่ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งในการประชุมเดือนก.ย.
ขณะที่ราคาหุ้นของบริษัทเทสลา อิงค์ บริษัทรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของสหรัฐ ดิ่งลงกว่า 1% หลังบริษัทประกาศเรียกคืนรถยนต์ในสหรัฐจำนวนกว่า 2 ล้านคัน เนื่องจากพบความบกพร่องในระบบ Autopilot
ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต ประจำเดือนพ.ย.ในวันนี้ โดยดัชนี PPI ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ทุกรายการ
ทั้งนี้ ดัชนี PPI ทั่วไป (Headline PPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 0.9% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.0% จากระดับ 1.2% ในเดือนต.ค.และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PPI ทั่วไปไม่เปลี่ยนแปลงในเดือนพ.ย. หรือปรับตัวขึ้น 0.0% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.1% หลังจากปรับตัวลง 0.4% ในเดือนต.ค.
ส่วน ดัชนี PPI พื้นฐาน (Core PPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.0% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.2% จากระดับ 2.3% ในเดือนต.ค.และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PPI พื้นฐานไม่เปลี่ยนแปลงในเดือนพ.ย. หรือปรับตัวขึ้น 0.0% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.2% จากระดับ 0.0% ในเดือนต.ค.