ดาวโจนส์บวกในกรอบแคบ หลังปธ.เฟดนิวยอร์กดับฝันหั่นดอกเบี้ยปีหน้า
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันศุกร์(15ธ.ค.)ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย หลังประธานเฟด สาขานิวยอร์ก กล่าวว่า เฟดยังไม่ได้ทำการหารือกันในขณะนี้เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น 56 จุด หรือ 0.2% ปิดที่ 37,305.16 จุด
- ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับตัวลง 36 จุด หรือ 0.01% ปิดที่ 4,719.19 จุด
- ดัชนีแนสแด็ก ปรับตัวขึ้น 52 จุดหรือ 0.4% ปิดที่ 14,813.92 จุด
ทั้งนี้ การซื้อขายในตลาดได้รับผลกระทบ หลังจากที่นายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก กล่าวว่า เฟดยังไม่ได้ทำการหารือกันในขณะนี้เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
"เรายังไม่ได้คุยกันในขณะนี้เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยเรากำลังพุ่งความสนใจต่อคำถามที่ว่า นโยบายการเงินในขณะนี้มีความเข้มงวดเพียงพอที่จะทำให้เงินเฟ้อกลับสู่ระดับ 2% หรือไม่" นายวิลเลียมส์กล่าวในรายการ "Squawk Box" ของสถานีข่าว CNBC
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีท พุ่งขึ้น ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีดิ่งลงต่ำกว่าระดับ 4% ในสัปดาห์นี้ เนื่องจากนักลงทุนตีความว่า การที่ Dot Plot ระบุว่า เจ้าหน้าที่เฟดคาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 3 ครั้งในปีหน้า เป็นการส่งสัญญาณว่าเฟดได้เปลี่ยนแปลงจุดยืนจากการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวด และจะเริ่มทำการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดในปีหน้า
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนเทน้ำหนักในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในการประชุมเดือนมี.ค.2567 จากเดิมที่มีการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในการประชุมเดือนพ.ค.2567
นอกจากนี้ นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยจำนวน 6 ครั้งในปี 2567 โดยปรับลดครั้งละ 0.25% รวม 1.50% มากกว่าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 0.75%
นายวิลเลียมส์ กล่าวว่า ยังคงเป็นเรื่องที่เร็วเกินไปที่จะคิดว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.2567 โดยเฟดจะยังคงพิจารณาจากข้อมูลที่ได้รับ ซึ่งหากเงินเฟ้อกลับมาดีดตัวขึ้น เฟดก็พร้อมที่จะคุมเข้มนโยบายการเงินอีกครั้งหนึ่ง