ดาวโจนส์ร่วงเกือบ 300 จุด ผวาเฟดขึ้นดอกเบี้ย
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันพุธ(3ม.ค.)ปรับตัวร่วงลงเกือบ 300 จุด หลังจากที่นายโทมัส บาร์กิน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาริชมอนด์ ส่งสัญญาณเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้เงินเฟ้อชะลอตัวลง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ร่วงลง 284.85 จุด หรือ 0.76% ปิดที่ 37,430.19 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ร่วง 0.80% ปิดที่ 4,704.81 จุด และดัชนีแนสแด็ก ปรับตัวลง 1.18% ปิดที่ 14,592.21 จุด
นายบาร์กิน แสดงความเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะไม่เผชิญภาวะถดถอย แต่จะชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป หรือซอฟต์แลนดิ้ง แต่นายบาร์กินก็กล่าวว่า เฟดยังคงมีทางเลือกในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้มีความคืบหน้าในการชะลอเงินเฟ้อ
นายบาร์กินระบุว่า ยังคงมีความเสี่ยงที่ว่าภารกิจของเฟดในการสกัดเงินเฟ้ออาจจะยังไม่สิ้นสุดลง
"อัตราดอกเบี้ยระยะยาวได้ปรับตัวลงในระยะนี้ และจะกระตุ้นอุปสงค์ในภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย โดยอุปสงค์ที่แข็งแกร่งจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อที่อยู่สูงกว่าเป้าหมาย สิ่งนี้จึงทำให้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปยังคงเป็นทางเลือกของเฟด" นายบาร์กินกล่าว
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการดีดตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ และการร่วงลงของหุ้นแอปเปิ้ล
ด้านสำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน ลดลง 62,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 8.790 ล้านตำแหน่งในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2564 และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 8.850 ล้านตำแหน่ง
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานปรับเพิ่มตัวเลขการเปิดรับสมัครงานในเดือนต.ค.สู่ระดับ 8.852 ล้านตำแหน่ง จากเดิมรายงานที่ระดับ 8.733 ล้านตำแหน่ง
ตัวเลขการจ้างงานลดลงสู่ระดับ 5.5 ล้านตำแหน่ง จากระดับ 5.9 ล้านตำแหน่งในเดือนต.ค. ส่วนอัตราการจ้างงานลดลงสู่ระดับ 3.5% จากระดับ 3.7% ในเดือนต.ค.
ส่วนอัตราการลาออกจากงานโดยสมัครใจลดลงสู่ระดับ 2.2% จากระดับ 2.3% ในเดือนต.ค.
ทั้งนี้ ตัวเลข JOLTS นับเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสนใจ โดยมองว่าเป็นมาตรวัดภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน ซึ่งเป็นปัจจัยในการพิจารณานโยบายการเงิน และอัตราดอกเบี้ยของเฟด