ดาวโจนส์บวกกว่า 200 จุด หลังดิ่งหนักเหตุกังวลเฟดตรึงดอกเบี้ยขาขึ้นนาน

ดาวโจนส์บวกกว่า 200 จุด หลังดิ่งหนักเหตุกังวลเฟดตรึงดอกเบี้ยขาขึ้นนาน

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันพฤหัสบดี(18ม.ค.)ปรับตัวขึ้นกว่า 200 จุด หลังจากดิ่งลงกว่า 100 จุด หลังสหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานต่ำกว่าคาด บ่งชี้ตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง และจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงยาวนานกว่าที่คาด

นอจากนี้ ดัชนีหุ้นสำคัญที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้อานิสงส์จากการที่ราคาหุ้นของบริษัท แอปเปิ้ล อิงค์ ดีดตัวขึ้นในการซื้อขายก่อนเปิดตลาดหุ้นวอลล์สตรีท โดยเมื่อเวลา 20.08 น.ตามเวลาไทย ราคาหุ้นแอปเปิ้ลพุ่งขึ้น 2.29% สู่ระดับ 186.86 ดอลลาร์ หลังจากที่แบงก์ ออฟ อเมริกาปรับเพิ่มอันดับความน่าลงทุนของหุ้นแอปเปิ้ล สู่ระดับ Buy จากเดิมที่ระดับ Neutral

แบงก์ ออฟ อเมริกาคาดการณ์ว่าราคาหุ้นแอปเปิ้ลยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นอีกมากกว่า 20%

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 201.94 จุด หรือ 0.54% ปิดที่ 37,468.61 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 บวก 0.88% ปิดที่ 4,780.94 จุด และดัชนีแนสแด็ก ทะยาน 1.35% ปิดที่ 15,055.65 จุด 

นักลงทุนเริ่มให้น้ำหนักใกล้เคียงกันต่อคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับลดหรือคงอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในวันนี้

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 53.8% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 19-20 มี.ค. หลังจากที่ให้น้ำหนัก 70.2% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 44.8% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 19-20 มี.ค. หลังจากที่ให้น้ำหนักเพียง 26.8% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 16,000 ราย สู่ระดับ 187,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 16 เดือน และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 208,000 ราย

ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ ลดลง 4,750 ราย สู่ระดับ 203,250 ราย

ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐ รายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง ลดลง 26,000 ราย สู่ระดับ 1.80 ล้านราย ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 1.83 ล้านราย