CIMB Thai ยืนหนึ่งตลาดรอง ‘หุ้นกู้’ ชูจุดแข็งสร้าง สภาพคล่อง ก้องในใจลูกค้า

key points :

• ที่ผ่านมา CIMB Thai เริ่มเป็นที่ “รู้จัก” และ “โดดเด่น” มากขึ้นในเรื่องของ “หุ้นกู้” รวมทั้งความสามารถในการนำตราสารอนุพันธ์มาออกแบบผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับภาวะตลาดและความต้องการลูกค้า
• ธนาคารมีมูลค่าซื้อ-ขายหุ้นกู้เอกชนตลาดรองสูงที่สุด ได้รับรางวัล Most Active Bank in Corporate Bond Secondary Market จาก ThaiBMA 4 ปีซ้อน ธนาคารจึงมี “หุ้นกู้ตลาดรอง” ที่มีคุณภาพดี รองรับความต้องการของนักลงทุนตลอดปี
• CIMB Thai ซึ่งเป็น “ผู้นำตลาด” ด้านหุ้นกู้ตลาดรองที่มีคุณภาพดี มองว่าการเป็นธนาคารที่ช่วยตอบสนองความต้องการซื้อขาย ให้แก่นักลงทุน เป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มสภาพคล่องแก่นักลงทุนทุกกลุ่ม
• CIMB Thai มองการลงทุนปี 2567 เป็น “ปีทอง” การลงทุนใน “พันธบัตร-หุ้นกู้คุณภาพดี” ที่จะเข้ามาตอบโจทย์ในเรื่องของ “ความเสี่ยงด้านเครดิตและความเสี่ยงทางด้านตลาด” แต่อย่างไรก็ตาม ยังแนะนำนักลงทุนควรเพิ่มความระมัดระวัง

หากเอ่ยถึงปี 2566 ที่ผ่านมา คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นอีกหนึ่งปีที่ภาพรวม “ตลาดเงิน-ตลาดทุน” ทั่วโลกและประเทศไทย ต้องเผชิญความผันผวนรุนแรง...จากสารพัดปัจจัยภายนอก และภายในกระทบบรรยากาศลงทุนตลอดทั้งปี ทั้ง “ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์” (Geo-politics) ระหว่างรัสเซีย-ยูเครน , สงครามระหว่างอิสราเอล-กลุ่มฮามาส ซึ่งประเทศไทยรับแรง “กดดัน” ต่อประเด็นดังกล่าว อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ! แม้อาจจะเป็นเพียงผลกระทบทางอ้อมก็ตาม

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบริหารเงินลงทุนของทีมบริหารเงิน Treasury & Markets ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย สอดรับในช่วงหลายปีที่ผ่านมาชื่อของ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทยเริ่มเป็นที่ “รู้จัก” และ “โดดเด่น” มากขึ้นในเรื่องของ “หุ้นกู้” 

 

“เพา จาตกานนท์” รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจบริหารเงินธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ CIMB Thai กล่าวว่า ที่ผ่านมาธนาคารซีไอเอ็มบีไทยได้รับรางวัล Best Bank for Investment Solutions จาก The Asset Triple A Private Capital Awards (Thailand) 10 ปีซ้อน 

โดยความสามารถในการนำตราสารอนุพันธ์มาออกแบบผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับภาวะตลาดและความต้องการของลูกค้า สะท้อนผ่านผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจปี 2566 คือ “หุ้นกู้อนุพันธ์ที่คุ้มครองเงินต้น 100%” โดยธนาคารอ้างอิงอัตราดอกเบี้ย THOR ของ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จ่ายดอกเบี้ยปีละ 4 ครั้ง 2 งวดแรก “ผลตอบแทน” สูงถึง 3.80%-4.00% ต่อปี หากอัตราดอกเบี้ยนโยบายลดลงจะยิ่งส่งผลทำให้ผลตอบแทนของผลิตภัณฑ์นี้อาจสูงถึง 4.80% ต่อปี

รวมทั้งธนาคารมีมูลค่าซื้อ-ขายหุ้นกู้เอกชนตลาดรองสูงที่สุด ได้รับรางวัล Most Active Bank in Corporate Bond Secondary Market จาก ThaiBMA 4 ปีซ้อน ดังนั้น ธนาคารจึงมี “หุ้นกู้ตลาดรอง” ที่มีคุณภาพดี รองรับความต้องการของนักลงทุนตลอดปี และยังการันตีด้วยรางวัลใหญ่ Best Bond  Dealer ที่มอบให้แก่สถาบันการเงินที่เป็นที่ยอมรับในความสามารถในการให้บริการกับคู่ค้าในตลาดรองที่ยอดเยี่ยม 

 

"ภิสัก อึ้งถาวร" ผู้บริหารฝ่ายวิจัยตลาดเงินและที่ปรึกษาการลงทุน ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) มองการลงทุนปี 2567 เป็น “ปีทอง” ของการลงทุนใน “พันธบัตร-หุ้นกู้คุณภาพดี” ที่จะเข้ามาตอบโจทย์ในเรื่องของ “ความเสี่ยงด้านเครดิตและความเสี่ยงทางด้านตลาด” แต่อย่างไรก็ตาม ยังแนะนำนักลงทุนควรเพิ่มความระมัดระวังในการเลือกลงทุนหุ้นกู้เป็นรายตัว และศึกษาข้อมูลธุรกิจที่มีพื้นฐานดี และฐานะการเงินแข็งแกร่ง

แม้ว่าในรอบปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นกู้จะถูกกดดันจาก “การผิดนัดชำระหนี้” แต่เชื่อว่าจะไม่ลุกลามขยายเป็นวงกว้าง เนื่องจากการผิดนัดชำระหุ้นกู้เป็นปัญหาเฉพาะตัว ซึ่งตลาดหุ้นกู้มีทั้งหุ้นกู้ดี-ไม่ดี โดยในปี 2567 จะมีหุ้นกู้ครบกำหนดถึง 890,000 ล้านบาทถือว่าไม่ได้มีความ “น่ากลัว” ไปทั้งหมด ! 

อย่างไรก็ตาม มองว่าการที่ลูกค้ามาขายหุ้นกู้ก่อนวันครบกำหนด และธนาคาร เป็น “ผู้รับซื้อหุ้นกู้” ที่ลูกค้านำมาขาย สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ทุกวันแล้วนั้น ยังมีส่วนช่วยเสริมสภาพคล่องให้ตลาดหุ้นกู้ ! เราไม่ได้รับซื้อหุ้นกู้ทุกตัวในตลาด แต่ธนาคารมีเกณฑ์ในพิจารณาเลือกซื้อหุ้นกู้ หนึ่งในนั้นคือ จะดูในบริษัทที่มีพื้นฐานธุรกิจแข็งแกร่ง

“เจษฎา เจนวาณิชย์” Head, Trading and Head, Rates, FX Trading and Commodity กล่าวว่า โดยปกติแล้ว “หุ้นกู้เอกชน” ครบกำหนดในแต่ละปีเฉลี่ยประมาณ 7-8 แสนล้านบาท แต่จุดที่สำคัญกว่าคือ Net supply ในแต่ละปี 

5 ปีที่ผ่านมา ถือว่า Net supply อยู่ในระดับปานกลางที่ประมาณ 2.7 แสนล้านบาทต่อปี โดยมีการทำ “สถิติสูงสุด” อยู่ที่ 4.10 แสนล้านบาทในปี 2559 ทำให้ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ภาคเอกชน (Credit spread) ปรับตัวสูงขึ้นเพียง 20 สตางค์

ปี 2567 มีการคาดการณ์ว่าหุ้นกู้จะออกมาใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา อยู่ที่ “1-1.1 ล้านล้านบาท” และเมื่อลบกับหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในปีนี้ประมาณ 8.90 แสนล้านบาท ทำให้ Net supply มีเพียง 1.1-2.1 แสนล้านบาท ซึ่งถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยปีที่ผ่านๆมา แล้วจะมีผลอย่างไรกับ Net supply ที่คาดการณ์ว่าน้อยลง ! 

มองว่าบริษัทส่วนใหญ่ยังคง “ชะลอการลงทุน” และ “การออกหุ้นกู้” เพราะอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะปรับลดลงในเร็วๆ นี้ ซึ่งอาจทำให้ Credit Spreadส่วนต่างของผลตอบแทน (Yield) ระหว่างหุ้นกู้เอกชนและพันธบัตรรัฐบาลปรับลดลงได้เพราะปริมาณหุ้นกู้ไม่เพียงพอต่อนักลงทุนในตลาด

CIMB Thai ซึ่งเป็น “ผู้นำตลาด” ด้านหุ้นกู้ตลาดรองที่มีคุณภาพดี มองว่าการเป็นธนาคารที่ช่วยตอบสนองความต้องการซื้อขาย ให้แก่นักลงทุน เป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มสภาพคล่องแก่นักลงทุนทุกกลุ่ม โดยมีหุ้นกู้ให้เลือกหลากหลายทั้งระยะเวลา และอันดับเครดิตเรตติ้ง 

“ภูดินันท์ เศรษฐนันท์” ผู้บริหารพัฒนาผลิตภัณฑ์การเงิน ธุรกิจผลิตภัณฑ์การเงินและที่ปรึกษา Equity Derivatives และผู้บริหารการขายลูกค้าบุคคลธนกิจ ธุรกิจรายย่อย เสริมว่า ธนาคารให้ความสำคัญกับการออกแบบผลิตภัณฑ์ ซึ่งเราพร้อมเข้าไปดูแลพอร์ตการลงทุนของลูกค้าและวางกลยุทธ์ให้เข้ากับสถานการณ์ รวมถึงกิจกรรมต่างๆ เพื่อความบันเทิง และความสุขแก่ลูกค้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทยมุ่งเน้นมาตลอด

สะท้อนผ่าน “พรีเซ็นเตอร์” ของ Treasury Products อย่าง “ก้อง-สหรัถ สังคปรีชา” หนึ่งในลูกค้าของธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ผู้ชื่นชอบการลงทุนหุ้นกู้ตลาดรองผ่าน CIMBThai Digital Banking และใช้บริการฝากหลักทรัพย์กับธนาคาร (Custodian) และยังเตรียมพร้อมเพื่อส่งมอบกิจกรรม surprise ต่างๆ ร่วมกับธนาคารในปีนี้

สหรัถ สังคปรีชา

อีกทั้ง ในปีนี้ธนาคาร ยังรับสมัครผู้แนะนำการลงทุนเพิ่มหลายอัตรา เพื่อขยายธุรกิจ “Wealth” อย่างต่อเนื่อง เพราะมองกำลังเป็นเทรนด์ของโลก

ท้ายสุด เราในฐานะผู้นำตลาด Wealth Management พร้อมปักธงในการพาลูกค้าเติบโตสร้างความมั่งคั่ง นำเสนอผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์ ควบคู่ไปกับส่งมอบบริการเป็นเลิศถึงมือลูกค้า