กางไทม์ไลน์ 'ตลาดหุ้นเกาหลีใต้' แบนธุรกรรม 'Short Sell' หลายครั้ง

กางไทม์ไลน์ 'ตลาดหุ้นเกาหลีใต้' แบนธุรกรรม 'Short Sell' หลายครั้ง

ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ แบน Short Sell อยู่หลายครั้ง ล่าสุดพบก่อนและหลังการแบนพบว่า Volume การซื้อขายในช่วง 6 พ.ย.66- 28 ธ.ค.66 ติดลบราว -7%

Key Points :

  • เกาหลีใต้ตรวจพบ ธุรกรรม Short Sell ในช่วงปี 2566 ในวันที่ 6 พ.ย. 2566 แบนถึง 30 มิ.ย.2567 (พบธุรกรรม Naked Short Sell ในช่วงก่อนหน้าของปี 2566)
  • ตลาดหุ้นไทย มีสัดส่วนมูลค่าการ Short Sell 5 ปีย้อนหลัง ปี 2566 หนักสุด มีมูลค่าการ Short Sell เทียบกับมูลค่าการซื้อขาย 10.59% หรือเคลื่อนไหวที่  -15.15% 
  • ล่าสุดเดือน มกราคม 2567 ตลาดหุ้นไทย มีสัดส่วนมูลค่าการ Short Sell เทียบกับมูลค่าการซื้อขาย 12.00% หรือเคลื่อนไหวที่  -3.63% 

 

ประเด็นที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในสภาพที่ตลาดหุ้นอยู่ในช่วง Underperform หนึ่งในนั้นก็เห็นจะไม่พ้น ประเด็น ธุรกรรม Short Sell คือ ธุรกรรมการขายหุ้นโดยที่ผู้ขายได้ยืมหุ้นนั้นมาจากบริษัทหลักทรัพย์หรือสถาบันที่ให้บริการยืมหุ้น ผู้ขายชอร์ตจะต้องวางเงินประกัน (Margin) ไว้กับบริษัทผู้ให้ยืมหุ้น รวมถึงจ่ายค่าธรรมเนียมในการ Short Sell แบบรายวัน จนกว่าผู้ขายชอร์ตจะส่งคืนหุ้นจำนวนที่ยืมไป (ปิดการ Short) หรือ ก็คือการยืมหุ้นมาเพื่อเอามาขายก่อนนั่นเอง และ Naked Short Sell คือ ธุรกรรม Short Sell ที่ ผู้ขายไม่มี ไม่ได้ยืมหุ้น แต่ส่งคำสั่งขายออกมาได้

อภิชัย เรามานะชัย ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัท หลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สำหรับในส่วนของเชิงปฏิบัติแล้ว ธุรกรรม Short Sell มีผลทำให้ตลาดปรับตัวลงหรือไม่? ในภาพรวมแล้วยังเป็นประเด็นที่ซับซ้อนแล้วมีตัวแปรหลายส่วนเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น ภาวะพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียนในตลาดขณะนั้น, สภาพคล่องที่เกิดจากธุรกรรม Short Sell เป็นต้น

ตัวอย่างกรณีศึกษาธุรกรรม Short Sell เช่น กรณีศึกษาของ Beber และ Pagano หัวข้อ “Short-Selling Bans around the World: Evidence from the 2007-09 Crisis” ซึ่งเป็นการศึกษาการแบนธุรกรรม Short Sell ในหลายประเทศช่วงที่เกิดวิกฤตซับไพรม์ โดย ผลของข้อสรุป คือ การแบนธุรกรรม Short Sell ส่งผลให้ สภาพคล่องของตลาดลดลงอย่างมีนัยยะ และไม่พบหลักฐานของว่าการแบน Short Sell มีผลบวกต่อราคาหุ้นในตลาดส่วนใหญ่กว่า 30 ประเทศ ยกเว้นแต่ในกรณีของตลาดหุ้นสหรัฐฯที่มีความสัมพันธ์เชิงบวก

โดยตามทฤษฎี การ Short Sell จะทำให้เกิดแรงขายและเป็นหนึ่งในตัวควบคุมที่ทำให้ราคาไม่ได้อยู่ในโซนสูงเกินไป (Overpriced) แต่ผลกระทบต่อตลาดในเชิงลบอาจไม่ได้มากนักจาก Volume Short ที่ถูกควบคุมด้วยจำนวนหุ้นที่ผู้ทำธุรกรรมการขายหุ้นจะยืมมาได้ อย่างไรก็ตาม การ Naked Short Sell กลับเลวร้ายยิ่งกว่ามาก เพราะจะทำให้เกิดแรงขายที่เกินจริงขึ้นจาก Supply หุ้นที่ไม่มีอยู่จริง ส่งผลให้ราคาหุ้นที่ถูกแรงขายออกมาปรับตัวลดลงมากกว่าปกติ ไม่แปลกที่ การ Naked Short Sell จะถูกทำให้ผิดกฏหมายในประเทศส่วนใหญ่

การทำผิดกฏหมาย หรือ ข้อสังเกตว่ามีการทำผิดกฏหมายก็ยังมีเห็นอยู่เนืองๆในตลาดต่างประเทศ เช่น

1.กรณี เกาหลีใต้ที่ตรวจพบ ธุรกรรม Naked Short Sell ในช่วงปี 2566

2.กรณี หุ้น GameSpot ของสหรัฐฯที่มีจำนวนหุ้นที่ถูกShort 140% ในปี 2564

3.กรณีหุ้น Dendreon ของสหรัฐฯ ในปี 2563

ทั้งนี้ หากจะพูดถึงกรณีการแบนธุรกรรม Short Sell ในช่วงเร็วๆ นี้ ก็ต้องพูดไปถึง ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ซึ่งมีการแบน Short Sell อยู่หลายครั้ง และล่าสุดแบนในวันที่ 5 พ.ย.66 (ไปจนถึง สิ้นเดือน มิ.ย.67)

กางไทม์ไลน์ \'ตลาดหุ้นเกาหลีใต้\' แบนธุรกรรม \'Short Sell\' หลายครั้ง

โดยในส่วนกระทบจากการแบนครั้งล่าสุดพบว่า ในวันเทรดครั้งแรกของ 1 วันหลังประกาศการแบน (ประกาศวันอาทิตย์ที่ 5 พ.ย.66 เทรดวันแรกวันจันทร์ที่ 6 พ.ย.66) ดัชนี KOSPI มีการปรับตัว +6% และในช่วงเวลา 3 พ.ย.- 31 ธ.ค.66 +12% หากพิจารณาถึงชุดข้อมูล 38 แท่งก่อนและหลังการแบนจะพบว่า Volume การซื้อขายในช่วง 6 พ.ย.66-28 ธ.ค.66 จะน้อยกว่าในช่วง 6 ก.ย.66 -3 พ.ย.66 ราว -7%

ส่วนการ Short Sell ในตลาดหุ้นไทยนั้น สัดส่วนมูลค่าการ Short Sell เป็นไปตามตารางดังนี้

กางไทม์ไลน์ \'ตลาดหุ้นเกาหลีใต้\' แบนธุรกรรม \'Short Sell\' หลายครั้ง

จะเห็นได้ว่า หากพิจารณาโดยเฉพาะแค่ปัจจัยการเพิ่มขึ้น Short Sell นั้น ไม่สามารถสรุปได้ว่ามีผลในเชิงลบต่อทิศทางการเคลื่อนไหวของ SET หาก ไม่พิจารณาปัจจัยอื่นประกอบ เช่น กำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาด, Fund Flow ต่างชาติ เป็นต้น

ทั้งนี้ ธุรกรรม Short Sell แม้ยังเป็นที่ถกเถียงกันในภาพรวมว่า เป็นบวกมากกว่าลบหรือไม่ แต่จะสังเกตได้ว่า ในตลาดหลายประเทศได้มีการใช้ มาตรการแบน Short Sell เข้ามาเป็นเครื่องมือในกรณีที่ตลาดเกิดความผันผวนมาก เช่น กรณีวิกฤตซับไพรม์ หรือ การแบน Short Sell ของเกาหลีใต้ในช่วงปี 66 หลังมีธุรกรรม Naked Short Sell เกิดขึ้นมา เป็นต้น 

โดยมีมุมมองว่า ธุรกรรม Short Sell ในเวลาปกติย่อมเป็นเครื่องมือในตลาดที่ดีที่ทำให้เกิดสมดุลของราคาและมีส่วนช่วยในเรื่องสภาพคล่อง 

อย่างไรก็ตาม คำถามที่เกิดขึ้นมาในปัจจุบัน ย่อมเป็นคำถามว่า ตลาด ณ ขณะนี้ปกติหรือไม่? และ กรณีที่ไม่ปกติ การออกมาตรการควบคุมธุรกรรม Short Sell (ทั้งการแบน/หรือการห้ามเฉพาะจุด) จะส่งผลเสียในเชิงสภาพคล่องที่มีโอกาสลดถอยลงอีกมากกว่าจะเป็นผลดีหรือไม่?