หุ้นไทยวันนี้ 16 ก.พ.67 แกว่งตัวกรอบ 1,380 - 1,400 จุด คาดหวัง FED ลดดอกเบี้ย พ.ค.นี้

หุ้นไทยวันนี้ 16 ก.พ.67 แกว่งตัวกรอบ 1,380 - 1,400 จุด คาดหวัง FED ลดดอกเบี้ย พ.ค.นี้

หุ้นไทยวันนี้ 16 ก.พ.67 แกว่งตัวกรอบ 1,380 - 1,400 จุด ได้ปัจจัยบวกจากตลาดหุ้นรอบบ้านปรับตัวขึ้น หลังยอดค้าปลีกสหรัฐเดือน ม.ค.เพิ่ม หวัง FED ลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือน พ.ค.นี้

หุ้นไทยวันนี้ 16 ก.พ.67 นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี ประเมิน SET แกว่งตัวกรอบ 1,380 - 1,400 จุด แม้ดัชนีจะได้ปัจจัยบวกจากตลาดหุ้นรอบบ้านปรับตัวขึ้นหลังยอดค้าปลีกสหรัฐเดือน ม.ค.- 0.8% MoM ซึ่งเพิ่มความหวังว่า FED จะลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน พ.ค.ประกอบกับราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นเป็นบวกต่อกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ตาม Fund flow ต่างชาติที่ไหลออกต่อเนื่องยังคงกดดันภาวะตลาดจึงแนะนำ Selective buy


กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ :

  • PTTEP TOP SPRC BCP BSRC ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น
  • TU ITC AAI SAPPE อานิสงส์เงินบาทอ่อนค่า
  • BDMS WHA CPALL BJC CBG AAI AUCT PLANB SABINA SISB MASTER
  • SNNP SPA แนวโน้ม 4Q23 เติบโต

ดัชนี SET INDEX ณ 15 ก.พ.67

ประเด็นสำคัญวันนี้ที่ต้องติดตาม

(+/-) กระเป๋าเงินดิจิทัล รัฐทำต่อแต่ขอตั้งอนุกรรมการศึกษาข้อเสนอแนะของ กฤษฎีกา และ ป.ป.ช. 30 วัน: บอร์ดดิจิทัลฯ มีมติให้ตั้งคณะอนุกรรมการ เพื่อศึกษาข้อเสนอแนะและความเห็นจากคณะกรรมการกฤษฎีกา และ ป.ป.ช. กำหนดกรอบเวลาไม่เกิน 30 วัน จากนั้นจะนำกลับมาเสนอสู่คณะกรรมการชุด ใหญ่อีกครั้ง เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป ซึ่งรูปแบบโครงการหรือไทม์ ไลน์จะขึ้นกับข้อสรุปจากคณะอนุกรรมการดังกล่าว

(+) หุ้นสหรัฐบวกต่อยังคาดหวังเฟดลดดอกเบี้ยหลังยอดค้าปลีกหดตัวลงในเดือน ม.ค.: ดัชนีตลาดหุ้นดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 349 จุด (+0.91%),S&P500+0.58% และ Nasdaq+0.30% นักลงทุนยังคาดหวังว่าจะเห็นเฟด ปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลังจากที่ข้อมูลยอดค้าปลีกของสหรัฐในเดือน ม.ค.หดตัว 0.8%mom จากที่ +0.4%mom ในเดือนธ.ค.และขยายตัวเพียง 0.6%yoy ลดลงจากที่ขยายตัว 5.3% ในเดือน ธ.ค.

(+/-) สัปดาห์หน้าติดตามสภาพัฒน์ฯ ประกาศตัวเลข GDP ของไทยปี 23 และคาดการณ์ GDP ปีนี้: สภาพัฒน์จะประกาศตัวเลข GDP 4Q23 ในวันจันทร์ นี้ เบื้องต้น Consensus คาด GDP 4Q23 จะขยายตัว 2.4% เพิ่มขึ้นจาก 1.5% ใน 3Q23 และคาด GDP ปี 23 จะขยายตัว 2% ลดลงจาก 2.6% ในปี 2022 อย่างไรก็ตามเราให้น้ำหนักกับแนวโน้ม GDP ในปีนี้และปีหน้ามากกว่าซึ่งต้อง จับตาว่าสภาพัฒน์จะเปลี่ยนแปลงคาดการณ์ GDP ในปีนี้อย่างไร