เศรษฐกิจไทยยังไม่วิกฤต-ลุ้นรัฐอัดฉีดงบปี 67
ต้นปีตลาดหุ้นไทยเจอแรงขายในหุ้นขนาดใหญ่ นักลงทุนต่างชาติยังมีการขายหุ้นต่อเนื่อง โดยประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคที่มีกระแสเงินไหลออกในเดือนมกราคม ซึ่งสะท้อนถึงปัจจัยกดดันเฉพาะตัวของตลาดหุ้นไทย
ก้าวเข้าสู่เดือนที่สองของไตรมาสแรกแห่งปีมังกรทอง แต่เรียกได้ว่าเรื่องของ การลงทุนในตลาดหุ้นไทยนั้นยังวนเวียนไม่เลือกข้าง บรรยากาศการลงทุนยังคงอึดอัด มีข่าวดีเข้ามาได้ไม่นานก็มักจะมีเรื่องให้ตลาดกังวลเพิ่มเรื่อยมา ความเชื่อมั่นของนักลงทุนก็ดูจะหดหายไปไม่น้อย นับได้ว่าตั้งแต่สิ้นเดือนตุลาคม 2566 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนตัวออกข้างโดยดัชนี SET Index ปรับตัวในกรอบ 70-80 จุด อีกทั้งต่างชาติยังคงเทขายหุ้นไทยอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่แล้ว
การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่ล่าช้ากว่าประเทศอื่น ๆ เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้ความน่าสนใจของตลาดหุ้นไทยนั้นลดน้อยลงเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่น ๆ ในภูมิภาค อย่างไรก็ตามคาดว่าทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้คาดจะอยู่ในช่วงครึ่งปีหลัง และจะมาจากปัจจัยภายในประเทศเป็นหลัก โดยตัวแปรสำคัญจะมาจากการใช้จ่ายของภาครัฐที่จะเป็นกำลังหลักของการฟื้นตัวของ GDP ประเทศไทยในปีนี้
นับได้ว่าตั้งแต่ช่วงต้นปีตลาดหุ้นไทยเจอแรงขายในหุ้นขนาดใหญ่ โดยนักลงทุนต่างชาติยังมีการขายหุ้นอย่างต่อเนื่อง โดยประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคที่มีกระแสเงินไหลออกในเดือนมกราคม ซึ่งสะท้อนถึงปัจจัยกดดันเฉพาะตัวของตลาดหุ้นไทย เช่น ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนฯ ที่อาจจะออกมาน่าผิดหวัง โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ส่อแววล่าช้า รวมถึงขนาดของวงเงินที่ใช้มีความเสี่ยงที่จะปรับลดลง ความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทยมีน้อยลง
ทั้งนี้ ในเดือนกุมภาพันธ์ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) มีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจไทยออกมา โดยไตรมาส 4 ของปี 2566 ขยายตัว 1.7% และทั้งปีขยายตัว 1.9% หลังสิ้นสุดมาตรการจ่ายเงินสวัสดิการภาครัฐของรัฐบาลชุดก่อน ประกอบกับการบังคับใช้กฎหมายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ล่าช้า กระทบการลงทุนภาครัฐที่หดตัวลงถึง 20.1%
อย่างไรก็ตาม การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่า เศรษฐกิจไทยเข้าเงื่อนไขวิกฤตเพราะยังต้องจับตามองความเสี่ยงอื่น ๆ โดยเฉพาะการลดลงของแรงขับเคลื่อนทางการคลัง ภาระหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง ผลกระทบจากภาระดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูง โดยแนวโน้มเศรษฐกิจไทยคาดว่าจะเริ่มขยายตัวได้ดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2567 จากการเบิกจ่าย พรบ.งบประมาณประจำปีของภาครัฐ การบริโภคภายในประเทศ การส่งออกที่น่าจะฟื้นตัวได้จากสินค้าคงคลังในตลาดโลกลดลงในขณะที่เศรษฐกิจโลกยังมีการเติบโต และภาคการท่องเที่ยวที่ยังมีแนวโน้มต่อเนื่องจากปีที่แล้ว
เดิมทีพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยที่อยู่ในช่วงของการฟื้นตัวจะมาจากภาคการท่องเที่ยวและภาคการบริโภคภายในประเทศเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ในระยะถัดไปการลงทุนภาครัฐหลังการเบิกจ่าย พรบ.งบประมาณปี 2567 ในช่วงไตรมาสที่ 2 จะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยที่สำคัญ พร้อมกับจะเป็นสิ่งที่เพิ่มความน่าสนใจให้กับตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลัง อีกทั้งหากมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเข้ามาเพิ่ม อาทิ ดิจิตอลวอลเล็ต ก็เรียกได้ว่าเป็นโบนัสอีกก้อนให้กับเศรษฐกิจไทยในปีนี้