เปิดพอร์ตนักลงทุนต่างชาติ ปี 66 ซื้อขายหุ้นไทยทะลุ 13.13 ล้านล้านบาท สูงถึง 2.5 เท่า
ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยนักลงทุนต่างชาติ ปี 66 ซื้อขายหุ้นไทยทะลุ 13.13 ล้านล้านบาท สูงถึง 2.5 เท่า ตลอดทั้งปีนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 192,083 ล้านบาท
สุมิตรา ตั้งสมวรพงษ์ ฝ่ายวิจัย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงการศึกษาข้อมูลการถือครองและการซื้อขายหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศในปี 2566 ที่ผ่านมา พบว่า มูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหุ้นไทย ณ สิ้นปี 2566 ปรับตัวลดลงจากสิ้นปีก่อน โดย ณ สิ้นปี 2566 นักลงทุนต่างประเทศมีมูลค่าการถือครองหุ้นรวมกว่า 5.11 ล้านล้านบาท ลดลงจาก 6.03 ล้านล้านบาท ณ สิ้นปี 2565 หรือลดลง 15.3% ใกล้เคียงกับ SET Index ที่ลดลง 15.2% ดังนั้นมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหุ้นไทยที่ปรับลดลงเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงราคาหลักทรัพย์เป็นสำคัญ
ขณะที่สัดส่วนมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศต่อมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมทั้งตลาด (market cap) ณ สิ้นปี2566 อยู่ที่ระดับ 29.39% ใกล้เคียงกับ ณ สิ้นปี2565 ที่ระดับ 29.62%
โดยในปี 2566 นักลงทุนต่างประเทศมีมูลค่าการซื้อขายหุ้นรวมกว่า 13.13 ล้านล้านบาท หรือสูงถึง 2.5 เท่าของมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศ และเมื่อพิจารณามูลค่าการซื้อขายสุทธิที่จำแนกตามกลุ่มหตามหลักทรัพย์ตามสิทธิการออกเสียงในการประชุมผ้ถูือห้นุ พบว่า ตลอดทั้งปี 2566 นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 192,083 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 176,607 ล้านบาท ใน local shares และขายสุทธิ 18,848 ล้านบาท ใน NVDR หรือขายสุทธิใน local shares และ NVDR รวมกว่า 196,455 ล้านบาท แต่พบว่าในขณะเดียวกันนักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิใน foreign shares 3,373 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่า นักลงทุนขายสุทธิในส่วนของการลงทุนเพื่อทำกำไรในระยะสั้น ขณะที่ยังซื้อสุทธิเพื่อการลงทุนระยะยาวเพิ่มเติมเล็กน้อย
ดังนั้น จากข้อมูลของนักลงทุนต่างประเทศทั้งจากการถือครองหุ้นและการซื้อขายหลักทรัพย์ ณ สิ้นปี2566 ขนาดของพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหุ้นไทยมีขนาดลดลงจากปีที่ผ่านมาจากการเปลี่ยนแปลงราคาหุ้นเป็นสำคัญ ขณะที่การซื้อขายของนักลงทุนต่างประเทศ สะท้อนว่านักลงทุนต่างประเทศซื้อขายเพื่อทำกำไรระยะสั้นผ่าน local shares และ NVDR และมีการซื้อสุทธิเพื่อลงทุนระยะยาวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยผ่าน foreign shares
จากการศึกษาข้อมูลการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (ตลาดหุ้นไทย) พบว่า ณ สิ้นปี 2566 นักลงทุนต่างประเทศถือครองหุ้นของบริษัทจดทะเบียน 832 หลักทรัพย์มีมูลค่าการถือครองหุ้นรวม 5.11 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 29.39% ของมูลค่าหลักทรัพย์รวมทั้งตลาดขณะที่ ณ สิ้นปี 2565 นักลงทุนต่างประเทศถือครองหุ้นของบริษัทจดทะเบียน 803 หลักทรัพย์ มีมูลค่าการถือครองหุ้นรวม 6.03 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 29.62% ของมูลค่าหลักทรัพย์รวมทั้งตลาด
หากเปรียบเทียบข้อมูลการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศ ณ สิ้นปี 2566 เทียบกับ ณ สิ้นปี 2565 พบว่า ณ สิ้นปี 2566 นักลงทุนต่างประเทศถือครองหลักทรัพย์ใหม่ 48 หลักทรัพย์ ซึ่ง 43 จากทั้งหมด 48 หลักทรัพย์ เป็นหลักทรัพย์ที่เพิ่งเข้าจดทะเบียนซื้อขายใหม่ในปี 2566 และอีก 5 หลักทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายในตลาดอยู่แล้ว ในทางตรงข้ามหลักทรัพย์ที่มีการถือครองหุ้น ณ สิ้นปี 2565 แต่ไม่มีในพอร์ตของนักลงทุนต่างประเทศ ณ สิ้นปี 2566 (from port) พบว่า มีจำนวน 24 หลักทรัพย์ ซึ่ง 16 จากทั้งหมด 24 หลักทรัพย์ เป็นหลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนที่เพิกถอนจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในปี 2566 และอีก 8 หลักทรัพย์ ยังคงเป็นหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายในตลาดแต่ไม่มีการถือครอง
สำหรับหลักทรัพย์ที่นักลงทุนต่างประเทศถือครองหุ้นต่อเนื่อง 784 หลักทรัพย์ พบว่า 623 หลักทรัพย์มีมูลค่าการถือครองหุ้นลดลง ขณะที่ 161 หลักทรัพย์มีมูลค่าการถือครองหุ้นเพิ่มขึ้น และเมื่อพิจารณาสาเหตุหลักที่ทำให้มูลค่าการถือครองหุ้นลดลง ส่วนใหญ่มีสาเหตุจากราคาหลักทรัพย์ปรับตัวลดลง (581 จาก 623 หลักทรัพย์มีราคาลดลง) หากพิจารณาการปลี่ยนแปลงของมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศ พบว่า มูลค่าการถือครอง ณ สิ้นปี 2566 มีมูลค่าลดลง 15.3% จากสิ้นปี 2565 สาเหตุสำคัญจากราคาหลักทรัพย์ที่ลดลง สังเกตได้ SET Index ที่ลดลง 15.2% ซึ่งจะเห็นได้ว่ามูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศลดลงในอัตราใกล้เคียงกันการเปลี่ยนแปลง SET Index ส่งผลให้สัดส่วนมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศต่อมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมทั้งตลาด (market cap) ณ สิ้นปี 2566 อยู่ที่ระดับ 29.39% ใกล้เคียงกับ ณ สิ้นปี 2565 ที่อยู่ที่ระดับ 29.62%
และจากโครงสร้างการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศ จากข้อมูลการปิดสมุดทะเบียนประจำปีของบริษัทจดทะเบียนในแต่ละปี โดยจำแนกตามกลุ่มหลักทรัพย์ตามสิทธิในการออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้น (voting right) ตามภาพที่ 1 และตามภาพที่ 2 ที่ฝ่ายวิจัย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้เผยแพร่ในรายงาน นำเสนอในรายงาน SET Note 4/2564 ส่องนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหุ้นไทยในรอบ 10 ปี (2554 - 2563) ว่า ในช่วงปี 2555 - 2563 การถือครองหุ้นส่วนใหญ่ของนักลงทุนต่างประเทศเป็นการถือครองหุ้นเพื่อลงทุนในระยะยาว โดยเฉลี่ย 79.14% ของมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศเป็น foreign shares ขณะที่ 20.82% เป็น NVDR และมีเพียง 0.04% เป็น local shares
นอกจากนี้ยังได้ทำการศึกษาต่อเนื่องจากรายงานดังกล่าว ซึ่งพบว่า โครงสร้างการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศในปี 2564 - 2566 ยังคงมีทิศทางกับช่วงปี 2555 - 2563 กล่าวคือ โดยในปี 2566 การถือครองหุ้นส่วนใหญ่ของนักลงทุนต่างประเทศเป็นการถือครองหุ้นเพื่อลงทุนในระยะยาวอยู่ที่ 79.58% ของมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศเป็น foreign shares ขณะที่ 20.42% เป็น NVDR และน้อยกว่า 0.01% เป็น local shares โดยในปี 2566 นักลงทุนต่างประเทศมีมูลค่าการซื้อขายรวมกว่า 13.13 ล้านล้านบาท คิดเป็น 50.67% ของมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งหมดในตลาดหุ้นไทย หรือกล่าวได้ว่า นักลงทุนต่างประเทศยังคงมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงสุดเมื่อเทียบกับนักลงทุนประเภทอื่นๆ
หากเปรียบเทียบมูลค่าการซื้อขายของนักลงทุนต่างประเทศ ในปี 2566 (13.13 ล้านล้านบาท) กับมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศ ณ สิ้นปี 2566 (5.11 ล้านล้านบาท) พบว่า นักลงทุนต่างประเทศมีมูลค่าการซื้อขายสูงถึง 2.5 เท่าของมูลค่าการถือครองหุ้น โดยพบว่า 54.9% ของมูลค่าการซื้อขายของนักลงทุนต่างประเทศในปี 2566 เป็นการซื้อขาย local shares และ 44.5% เป็นการซื้อขาย NVDR และมีการซื้อขาย foreign shares เพียง 0.6% เท่านั้น ซึ่งข้อมูลนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ในปี 2566 นักลงทุนต่างประเทศซื้อขายส่วนใหญ่เพื่อทำกำไรระยะสั้น
และเมื่อพิจารณามูลค่าการซื้อขายสุทธิของนักลงทุนต่างประเทศ พบว่า ในปี 2566 นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิรวมกว่า 192,083 ล้านบาทในตลาดหุ้นไทย (ตารางที่ 3) ซึ่งเมื่อจำแนกมูลค่าการซื้อขายสุทธิ ปี 2566 ของนักลงทุนต่างประเทศ ตามประเภทหลักทรัพย์ (ภาพที่ 5) พบว่า นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 176,607 ล้านบาท ใน local shares และขายสุทธิ 18,848 ล้านบาท ใน NVDR แต่ในขณะเดียวกันมีการซื้อสุทธิเข้ามาใน foreign shares 3,373 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่า นักลงทุนขายสุทธิในส่วนของเงินลงทุนระยะสั้น ขณะที่การลงทุนระยะยาวยังมีการซื้อสุทธิ
ดังนั้น จากข้อมูลของนักลงทุนต่างประเทศทั้งจากการถือครองหุ้นและการซื้อขายหุ้น อาจสรุปได้ว่า ณ สิ้นปี 2566 ขนาดของพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหุ้นไทยมีขนาดลดลง เมื่อพิจารณาจากมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุน ซึ่งการลดลงนี้เป็นผลจากราคาหลักทรัพย์ที่ปรับตัวลดลงเป็นสำคัญ ขณะที่ข้อมูลการซื้อขายของนักลงทุนต่างประเทศ สะท้อนว่า นักลงทุนต่างประเทศซื้อขายเพื่อทำกำไรระยะสั้นผ่าน local shares และ NVDR และมีการซื้อสุทธิเพื่อลงทุนระยะยาวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยผ่าน foreign shares