โบรกเกอร์ทรุดต่อวอลุ่มเหลือ 4 หมื่น หลังกำไรปี 66 วูบทุกรายกว่า 15%
กำไรโบรกเกอร์ ปี 66 ทรุดถ้วนหน้าตามวอลุ่มหดตัวกระทบรายได้หลัก ธุรกิจหลักทรัพย์ วูบมากกว่า 15% ไม่เว้นโบรกเกอร์อันดับ 1 บล.เกียรตินาคินภัทร ฉุดรายได้ค่าธรรมเนียมรวม ‘ไพบูลย์’ คาดไตรมาส 1 ปี 67 วอลุ่มยังบางเฉียบ 4 หมื่นล้านบาท ต้องประคองธุรกิจรอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหนุน
KEY
POINTS
๐ กำไรโบรกเกอร์ปี 66 ดิ่งหนักมากกว่า 15 % ตามวอลุ่มตลาดหุ้นเฉลี่ยต่อวัน 50,000 ล้านบาท
๐ ไตรมาส 1 ปี 67 วอลุ่มยังบางเฉียบเฉลี่ย 40,000 ล้านบาท ฉุดะุรกิจโบรกต่อ
๐ รอมาตรการเศรษฐกิจฟื้นตลาดหุ้น ตลาดไอพีโอ หนุนวอลุ่มคึก
ภาพรวมตลาดหุ้นไทยปี 2566 ที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวลดลง 15% และมูลค่าการซื้อขายหรือวอลุ่มเฉลี่ยรายวัน 51,082 ล้านบาท นั้นมี ผลกับธุรกิจบริษัทหลักทรัพย์โดยตรง ที่มีจำนวนมากถึง 37 ราย จากรายได้หลักที่อิงกับธุรกิจตัวกลางซื้อขายหลักทรัพย์ หรือโบรกเกอร์ ทำให้ผลประกอบการปี 2566 หลายโบรกเกอร์รายงานออกมากำไรทรุดลงถ้วนหน้าเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2565 ที่มีวอลุ่มรายวันเฉลี่ย 71,226 ล้านบาท
จากการรายงานผลประกอบการปี 2566 ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จำนวน 5 ราย จากทั้งหมด 9 ราย ประกอบไปด้วย บริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ ASP มีกำไรที่ 407 ล้านบาท ลดลง 15.03% จากปีก่อนมีกำไร 479 ล้านบาท โดยเป็นการปรับตัวลดลงของรายได้โบรกเกอร์หลักทรัพย์ 35.72% ที่ 538 ล้านบาท จากปีก่อน 837 ล้านบาท รวมไปถึงรายได้โบรกเกอร์ตลาดอนุพันธ์ และค่าธรรมเนียมและบริการปรับตัวลดลงเช่นกัน
บริษัท โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GBX มีกำไรที่ 48.48 ล้านบาท ลดลง 31.23% จากปีก่อนมีกำไร 70.50 ล้านบาท จากรายได้โบรกเกอร์ลดลง 41.45% อยู่ที่ 171 ล้านบาทจากปีก่อน จนทำให้ปริมาณการซื้อขายของ GBX ลดลงอยู่ที่ 1,202.08 ล้านบาทต่อวัน จาก 1,849.43 ล้านบาท ส่วนแบ่งการตลาดลดลง อยู่ที่ 1.22% จากปีก่อนที่ 1.31%
บริษัทหลักทรัพย์(บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย)จำกัด (มหาชน) หรือ KGI มีกำไรที่ 868 ล้านบาท ลดลง 13.54% จากปีก่อนมีกำไร 1,004 ล้านบาท มาจากรายได้โบรกเกอร์ลดลง 21% อยู่ที่ 884 ล้านบาทจาก 1,115 ล้านบาทปีก่อน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการปรับตัวลดลงมากสุดโบรกเกอร์หลักทรัพย์ลดลง 29% อยู่ที่ 557 ล้านบาทจาก 780 ล้านบาทปีก่อน
บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ UOBKH มีกำไรที่ 90.86 ล้านบาท ลดลง 58.12% จากปีก่อนมีกำไร 217 ล้านบาท รายได้รวมลดลงจากรายได้โบรกเกอร์ลดลง 34.22 % อยู่ที่ 654 ล้านบาท จาก 995 ล้านบาทปีก่อน
และบริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ XPG มีกำไรที่ 106 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 161% จากปีก่อนขาดทุน 171 ล้านบาท แม้จะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนใน บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด ลดลง 32.59 ล้านบาท
บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง มีกำไรสุทธิลดลง 65.55 ล้านบาท เกิดจากรายได้โบรกเกอร์ หลักทรัพย์ลดลง 328.59 ล้านบาท หรือลดลง 34.91% จากวอลุ่มเฉลี่ยรายวันลดลง 30.07% ในขณะที่รายได้อื่นลดลง 23.63 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายรวมลดลง 286.67 ล้านบาท
หากแต่บริษัทมีรายได้จากธุรกิจบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็กซ์สปริง จำกัด และบริษัท เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล จำกัด เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 87.17 ล้านบาท รายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 466 ล้านบาท รายได้รวมอยู่ที่ 621.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 578% จากปีก่อนอยู่ที่ 91.57 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามจากงบ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร หรือ KKP มีบริษัทย่อย บล.เกียรตินาคินภัทร ระบุรายได้จากค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ 5,476 ล้านบาท ลดลง 11% จากปีก่อน เป็นผลมาจากธุรกิจโบรกเกอร์ปรับตัวลดลง แต่ยังคงมีส่วนแบ่งฯ อันดับที่ 1 อยู่ที่ 20.8% รายได้จากธุรกิจวาณิชธนกิจยังอยู่ในระดับที่ดีแม้ประสบกับภาวะตลาดทุนที่ไม่เอื้ออำนวย
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ทิสโก้ ในฐานะนายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) กล่าวว่า ผลดำเนินงานของธุรกิจโบรกเกอร์ในไตรมาส 1 ปี 2567 อาจจะยังไม่สดใสมากนัก ธุรกิจโบรกเกอร์ทำได้เพียงประคองธุรกิจไปก่อน เนื่องจากสถานการณ์ของวอลุ่มซื้อขายตลาดหุ้นไทยยังอยู่แค่ระดับ 40,000 ล้านบาทต่อวัน ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยยังคงอยู่ในภาวะซบเซา แต่วอลุ่มซื้อขายถือว่าดีขึ้นเล็กน้อยเทียบกับช่วงไตรมาส 4 ปี 2566 ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยต่ำกว่า 1,400 จุด
“ธุรกิจโบรกเกอร์จะเอาอะไรมาดี โดยเฉพาะในโบรกเกอร์ ขนาดเล็ก ดูจากวอลุ่มซื้อขายแค่ 40,000 ล้านบาท รวมถึงบรรยากาศลงทุนก็ไม่ดีทั้งภาพของตลาดใหญ่ และตลาดหุ้นไอพีโอก็ยังไม่กลับมาคึกคัก สภาพคล่องก็ไม่ดี ไม่ดึงดูดนักลงทุน ดังนั้น นักลงทุนก็ยังไม่กล้าเข้ามาลงทุน”
ดังนั้น สิ่งที่คาดหวังคือ การเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นมาตรการอะไรก็ตาม ซึ่งจะเป็นแรงกระตุ้นให้เศรษฐกิจฟื้นตัว เพราะตอนนี้จะรอการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คงไม่ได้ เพราะเฟดคงไม่ได้จะลดดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้
ซึ่งนักลงทุนจะเห็นภาพการฟื้นต้วของเศรษฐกิจคงต้องพึงนโยบายของรัฐบาล และหากเห็นภาพเศรษฐกิจดีขึ้นนักลงทุนก็จะกล้าลงทุนมากขึ้น บริษัทก็จะมั่นใจในการนำบริษัทเข้ามาระดมทุน (ไอพีโอ) ซึ่งเมื่อนั้นสภาพคล่องในตลาดหุ้นก็จะเพิ่มขึ้น หนุนมูลค่าการซื้อขายให้กลับมาคึกคัก ซึ่งธุรกิจโบรกเกอร์ก็จะกลับมาสดใสได้
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.กรุงศรี พัฒนสิน กล่าวว่า ระดับการซื้อขายเฉลี่ย 50,000 ล้านบาทต่อวัน ต่ำกว่าเฉลี่ยช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ธุรกิจโบรกเกอร์ที่แข่งขันกันรุนแรงอยู่แล้วได้รับผลกระทบหากกำไรไม่ลดลงจะเผชิญขาดทุนได้
ต้นปี 2567 วอลุ่มยังไม่ได้ดีขึ้นแต่คาดว่าหากมีการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจน บวกกับมาตรการที่ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ คุม short selling และ Program Trading ที่เกิดปัญหาในช่วงที่ผ่านมา จนกระทบวอลุ่มตลาดหุ้น ซึ่งทำได้ตรงจุด น่าจะทำให้วอลุ่มตลาดหุ้นไทยสามารถกลับมาได้
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์