MONO ปลดพนักงาน ลดค่าใช้จ่าย เตรียมใช้ AI อ่านข่าวสั้น เผยงบปี 66 ขาดทุน 255 ล้าน
MONO ปรับโครงสร้าง ปลดพนักงาน ลดค่าใช้จ่ายได้ 11 ล้านต่อเดือน พร้อมใช้เสียง AI อ่านข่าวสั้นแทน ด้านผลการดำเนินงานปี 66 ขาดทุน 255 ล้านบาท
ปฐมพงศ์ สิรชัยรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โมโน เน็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MONO เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานประจำปี 2566 ขาดทุนสุทธิ 255.1 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 324.4 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 468.1 เมื่อเทียบกับปี 2565
โดยมีผลขาดทุนจากการดำเนินงาน เนื่องจากรายได้สื่อโฆษณาปรับลดลงจากปัจจัยความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจรวมถึงภาวะดอกเบี้ยสูงและกำลังซื้อชะลอตัว โดยภาพรวมเม็ดเงินโฆษณาของปีนี้ ปรับลดลงจากปีก่อน
ขณะที่ในไตรมาสที่ 4 ปี 2566 บริษัทย่อยได้บันทึกปรับลดสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอตัดบัญชีเป็นค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้จำนวน 192.8 ล้านบาท เพื่อให้สอดคล้องกับประมาณการณ์ที่คาดว่าจะได้รับจากสิทธิประโยชน์ทางภาษี และมีค่าใช้จ่ายจากการขายเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2566 จากการเปิดตัวภาพยนตร์และซีรีส์ภายใต้ MONO ORIGINAL ท้ังหมดสี่เรื่องจึงจำเป็นจะต้องสร้างการรับรู้และจดจำแบรนด์ให้ได้มากท่สีดุ ในระยะแรก
ปฐมพงศ์ สิรชัยรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โมโน เน็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MONO
อย่างไรก็ดี ในปี 2566 กลุ่มบริษัทฯ เห็นการเติบโตของธุรกิจสตรีมมิ่ง MONOMAX มีแนวโน้มที่ดีในการนำเสนอขายแพ็กเก็จแบบรายตอน (episode) ล่วงหน้าสำหรับซีรีส์ MONO ORIGINAL โดยสามารถสร้างรายได้เพิ่มจากลูกค้ากลุ่มดังกล่าวได้อีกร้อยละ 40 ของค่าบริการปกติรวมทั้งได้เริ่มนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ในการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค และสามารถสนทนาแนะนำรายการให้กับผู้บริโภคได้อีกด้วย โดยกลุ่มบริษัทฯ มั่นใจในแผนงานการเติบโตด้านรายได้ของ MONOMAX ในอนาคตอย่างยั่งยืน
รายได้รวมปี 2566 ลดลง 195.8 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 9.4 เมื่อเทียบกับปีก่อนโดยหลักเกิดจาก
1.รายได้โฆษณาที่ลดลง 310.1 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 21.4 เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับเม็ดเงินโฆษณาสื่อทีวีที่ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน
2.รายได้การให้บริการคอนเทนต์ MONOMAX และ 3BB GIGATV เพิ่มขึ้น 127.5 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 22.3 เมื่อเทียบกับปีก่อน ธุรกิจยังคงมีการเติบโตสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคสินค้าและบริการดิจิตอล โดยที่จำนวนผู้ใช้งานรวมของ MONOMAX ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 คือ 0.86 ล้านคน
ส่วนต้นทุนและค่าใช้จ่าย
● ต้นทุนขายและบริการปี 2566 ลดลง 160.5 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 10.7 เมื่อเทียบกับปีก่อน สาเหตุหลักเกดิจากต้นทุนตัดจำหน่ายซึ่งเป็นผลจากนโยบายการบริหารลิขสิทธิ์
● ค่าใช้จ่ายขายและบริหารปี 2566 เพิ่มขึ้น 77.5 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 18.3 เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการขายจากแผนกลยุทธ์ทางกาตลาดในเชิงรุกที่มุ่งเน้นสร้างการรับรู้แบรนด์ให้แข็งแกร่ง และประชาสัมพันธ์ผลงานของ MONO ORIGINAL ที่เริ่มสตรีมมิ่ง และออกอากาศบนแพลตฟอร์มของกลุ่มบริษัทฯ
โดยแผนธุรกิจปี 2567 ในช่วงต้นปี 2567 บริษัทมีประกาศปรับโครงสร้างการทำงานและลดขนาดองค์กรให้เหมาะสมกับการดำเนินการทางธุรกิจเพื่อให้บริษัทสามารถขับเคลื่อนและบรรลุเป้าหมายที่ท้าทายต่อไปในอนาคต แผนงานปี 2567 บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับธุรกิจผลิตคอนเทนต์ผ่านช่องทางสื่อหลัก ธุรกิจวิดีโอสตรีมมิ่ง MONOMAX,ทีวีดิจิตอล MONO29, การขายลิขสิทธิ์ไปยังต่างประเทศ และบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมถึงการนำเทคโนโลยี AI มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
นอกจากนี้ในส่วนของต้นทุนและค่าใช้จ่ายปี 2567 บริษัทปรับโครงสร้างองค์กร โดยการปรับลดจำนวนพนักงานในทุกส่วนงานให้มีขนาดที่เหมาะสมปรับลดขนาดธุรกิจในส่วนที่ไม่ทำกำไร ลดหน่วยงานที่ซ้ำซ้อน และมีการจ้างบริษัทภายนอก (Outsource) ที่มีความชำนาญเข้ามาทดแทน ส่งผลให้ในปี 2567 มีค่าใช้จ่ายพนักงานปรับลดลง ประมาณ 11 ล้านบาทต่อเดือน หรือ ลดลงคิดเป็นร้อยละ 33 เมื่อเทียบกับก่อนการปรับโครงสร้าง