กูรูเตือน ตลาดหุ้นส่อ 'ฟองสบู่' ผลจากกระแส 'AI' ทำนักลงทุนกระจุกตัว
ผู้เชี่ยวชาญเตือน ตลาดหุ้นสหรัฐอาจเกิด "ฟองสบู่" ผลจากกระแส "AI" เฟื่องฟู จนทำให้นักลงทุนกระจุกตัวแน่นอยู่ในเซกเตอร์เดียว
การที่ราคาหุ้นของบริษัทอินวิเดีย (Nvidia) ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐ ทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่องท่ามกลางกระแสปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่กำลังเฟื่องฟู ประกอบกับดัชนีหุ้นทั่วโลกที่พุ่งแตะระดับสูงสุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ส่งผลให้เกิดการถกเถียงกันเป็นวงกว้างว่าตลาดหุ้นเข้าสู่ภาวะฟองสบู่แล้วหรือยัง
ทั้งนี้ ภาวะฟองสบู่คือ ช่วงเวลาที่ราคาสินทรัพย์ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจสูงกว่ามูลค่าจริงของสินทรัพย์ และมีความเสี่ยงที่จะร่วงลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน
บ็อบ พาร์คเกอร์ ที่ปรึกษาอาวุโสของสมาคมตลาดทุนระหว่างประเทศ (ICMA) ให้สัมภาษณ์กับรายการ “Squawk Box Europe” ของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี เมื่อวันพุธ (28 ก.พ.) ว่า เขาเห็นสัญญาณของภาวะฟองสบู่ เมื่อพิจารณาจากลักษณะสำคัญ 2 ใน 3 ประการ
ประการแรกคือ “มูลค่าหุ้น” โดยเห็นได้ชัดเจนว่ามูลค่าหุ้นของอินวิเดียสูงมาก ส่วนประการที่สองคือ “จุดที่นักลงทุนอยู่” โดยเมื่อใดก็ตามที่เกิดภาวะฟองสบู่ในตลาด นักลงทุนจะกระจุกตัวอย่างหนาแน่นในตลาดเดียวหรือในภาคส่วนเดียว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพาร์คเกอร์จะรับรู้ถึงสัญญาณของภาวะฟองสบู่ แต่เขาไม่ได้กังวลว่าฟองสบู่จะแตกในเร็ว ๆ นี้
ทั้งนี้ บรรดานักวิเคราะห์มีความคิดเห็นแตกต่างหลากหลายในประเด็นนี้ เจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของเจพีมอร์แกน เชส ให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นบีซีเมื่อวันจันทร์ (26 ก.พ.) ว่า เขาไม่ได้มองว่ากระแส AI เป็นภาวะฟองสบู่ โดยเน้นย้ำว่าสมัยที่เกิดภาวะฟองสบู่ดอตคอมครั้งแรกนั้น เป็นเพราะนักลงทุนตื่นเต้นเกินจริง แต่ครั้งนี้เป็นของจริง
ด้านทอร์สเทน สล็อค หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของอะพอลโล (Apollo) ผู้จัดการสินทรัพย์ทางเลือกระดับโลก ได้เผยแพร่แผนภูมิแสดงมูลค่าหุ้นของบริษัทชั้นนำ 10 อันดับแรกในดัชนี S&P 500 เทียบกับมูลค่าหุ้นของบริษัทชั้นนำในช่วงทศวรรษ 1990 พร้อมกับระบุว่า “ฟองสบู่ AI ในตอนนี้ มีขนาดใหญ่ยิ่งกว่าฟองสบู่ดอตคอมในช่วงปลายทศวรรษ 1990 ด้วยซ้ำ”
อ้างอิง: CNBC