‘ณวัฒน์’ ชี้หุ้น MGI โดน ‘Naked Short’ จี้ นายกฯ สางปม
ณวัฒน์ มั่นใจหุ้น หุ้น MGI โดน ‘Naked Short’ หรือ การขายชอร์ตหุ้นออกไปโดยที่นักลงทุนรายนั้นไม่ได้ถือหุ้นอยู่จริง ฝากถึง เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้เข้ามาช่วยดูแล
ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MGI กล่าวว่า มั่นใจว่าหุ้น MGI โดน Naked Short Selling หรือ การขายชอร์ตหุ้นออกไปโดยที่นักลงทุนรายนั้นไม่ได้ถือหุ้นอยู่จริง ถล่มเมื่อวันที่ 29 ก.พ. 2567 โดยโบรกเกอร์หนึ่งที่ไม่มีธรรมาภิบาล แล้วให้หุ้นผู้ทรงอิทธิพลกลุ่มหนึ่งยืม และต้องคืนก่อน 16.30 น. ถือว่ามันไม่ยุติธรรมในประเทศที่กำลังพัฒนาแล้ว และไม่สามารถร้องเรียนได้ และฝากถึง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้เข้ามาช่วยดูแลในส่วนนี้
ทั้งนี้ ได้มีการแจ้งเพื่อขอดูข้อมูลช่วงปิดตลาดในวันดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แต่เนื่องจากราคาดิ่งลงมาถึงฟลอร์ ซึ่งทางตลาดแจ้งว่ายังคงต้องรอตามกฎระเบียบ เราจึงแก้ไขด้วยการสั่งปิดบัญชีทุกวันเพื่อตรวจสอบข้อมูลมาพิจารณา ถึงความผิดปกติ ว่ามีใครที่เทขายออกไป แม้จะไม่สามารถทำอะไรได้ แต่เป็นรีเช็กว่ามีใครเข้ามา และออกไปบ้าง ล่าสุด MGI โดนมิจฉาชีพนำภาพเพื่อไปหลอกลวงในการลงทุน โดยได้มีการเข้าไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐานแล้ว
ในส่วนของ บริษัท เอเจ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AJA ที่เข้าไปนั่งเป็นกรรมการ โดยก่อนหน้านั้น AJA ถือเป็นหนึ่งในสปอนเซอร์ที่สนับสนุนมาตลอดตั้งแต่มีมิสแกรนด์ 2013 ไม่เคยขาดการสนับสนุน และในปีนี้ ก็มีการสนับสนุนเข้ามาค่อนข้างมากในจำนวน 7 หลัก และการเข้าถือหุ้นใหญ่ใน AJA ต้องยอมรับว่า ถือมานานแล้วไม่ต่ำกว่า 8 ปี แต่หลายคนเพิ่งมาทราบเท่านั้น
ทั้งนี้ ในส่วนของพันธมิตรที่เข้ามาร่วมลงทุน ณ ขณะนี้มีบริษัท คาร์มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ KAMART ที่ลงทุนเป็นเงินสดด้วยกัน คนละครึ่ง และมีการเปิดตัวไปแล้ว ภายใต้บริษัท KMGI และมีสินค้าที่ออกร่วมกันทั้งผลิตภัณฑ์บนใบหน้า และร่างกาย ได้เปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ไปแล้วคือ ชาล็อต ออสติน นอกจากนี้ แพท ณปภา ที่ทำในส่วนของวิตามินซี ในอนาคตจะมีการร่วมงานกับศิลปินและดาราอีกหลายคน
ขณะที่ในส่วนของ ทีวีธันเดอร์ บริษัทไม่ได้เข้าไปร่วมลงทุนด้วย แต่ทีวีธันเดอร์แค่เข้ามารับจ้างผลิตให้กับ MGI เท่านั้น ไม่ได้เข้ามาเกี่ยวกับกับการตลาด และการรับรู้กำไร หรือการวางแผน
สำหรับ รายได้ปีนี้ตั้งเป้าไว้คูณ 2 เท่า เนื่องจากช่วงเดือนมี.ค. - เม.ย.ของทุกปี เป็นประเพณีของ MGI จะมีอีเวนต์ใหญ่ ในการจัดประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ โดยตลอดทั้งเดือนจะมีการขายสินค้า เพื่อสร้างรายได้ โดยทุกคนจะต้องสร้างกระแสความดังให้กับตัวเองจนกลายเป็นที่ยอมรับกับกระแสสังคม เพราะการสร้างมิสแกรนด์ไทยแลนด์คือการสร้างฐานมวลชน ซึ่งมีฐานมวลชนจะมีเศรษฐกิจเป็นตัวขับเคลื่อน เช่น ตั้งแต่วันนี้เป็นตัวไปผู้เข้าประกวดจะต้องทำโจทย์ด้วยการขายของ ซึ่งยอมยอดจะดีมาก โดยเฉพาะในช่องทางติ๊กต๊อกในคืนวันที่ 2 มี.ค.2567 เพียงคืนเดียวขายได้ 2 ล้านกว่าบาท ดังนั้นเราจะเห็นการเติบโตกันในเดือนมี.ค.-เม.ย.กันทั้งเดือน
นอกจากนี้ยังมีผู้สนับสนุนในการประกวดที่มีสนับสนุนเป็นเงินสดให้กับ MGI โดยในปีที่แล้วได้รับเงินสดสนับสนุนประมาณ 40 ล้านบาท ไม่รวมของรางวัล คอนโดมิเนียม แต่ในปีนี้อย่างน้อยต้องคูณสอง และปีนี้ถือว่า เป็นไปตามเป้าหมาย
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าช่วงเดือนมี.ค. - เม.ย.2567 จะมีกิจกรรมงานอีเวนต์ของ MGI เข้ามามาก โดยเฉพาะการประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ ในการสร้างรายได้ แต่ในช่วงที่พีกที่สุดคือ ช่วงไตรมาส 4 เพราะเนื่องจากจะมีการประกวดมิสแกรนด์อินเตอร์แนลชัลนอล ที่มาจากทั่วโลกประมาณ 90 กว่าประเทศ โดยจะมีรายได้เข้ามาอีก รวมถึงรายได้จากการจัดคอนเสิร์ตใหญ่ในช่วงช่วงไตรมาส 3 เช่น คอนเสิร์ตอิงฟ้ามหาชน 1 และ 2 ที่ประสบความสำเร็จ ในปีนี้จะเป็นอิงฟ้ามหาชน 3 บัตรราคา 1 หมื่นบาทหมดทุกครั้ง รวมถึงคอนเสิร์ตในต่างประเทศ
โดยจุดแข็งของ MGI เรามีทีมเวิรฺ์คที่ใหญ่มากเป็นทำงานด้วยกันมาเป็น 10 ปี เพราะ MGI กำเนิดขึ้นมาเมื่อปี 2013 อย่างเป็นทางการ จากทีวีปัจจุบันสู่ช่องทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก 100%