ส่องการเงิน “SABUY” ลงทุนหนักดันต้นทุน – ค่าใช้จ่ายพุ่ง
ก่อให้เกิดประเด็นใหญ่ขึ้นจริงๆ สำหรับการเข้าลงทุนครั้งใหม่ของบริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MGI ทุ่มเงิน 135 ล้านบาท ซื้อหุ้น บริษัท สบายเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY จำนวน 30 ล้านหุ้น หรือ 1.7% ที่ราคา 4.50 บาท
ผ่านไป 3 วัน ราคาหุ้นทั้งคู่กอดคอกันร่วงไร้ปัจจัยหนุนจะเกิด Synergy ตามที่ MGI คาดหวัง สะท้อนได้จากราคาหุ้น MGI ลงไปลึก 18.20 บาท ปิดที่ 21.90 บาท (4 เม.ย.67) และ SABUY ฟลอร์ 2 วันซ้อนที่ 2.26 บาท (4 เม.ย.67)
ด้าน SABUY ถือว่าเผชิญปัจจัยด้านธุรกิจกระทบจากงบปี 2566 ออกมาพลิกขาดทุนอยู่แล้วด้วยการลงทุนจำนวนมากขยายธุรกิจจากตู้เวนดิ้งไปยังธุรกิจอื่นๆ จนกระทบฐานะการเงินในปัจจุบัน “ดีลซื้อกิจการ” บริษัท เอเชียซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AS เพื่อขยายธุรกิจต้องยกเลิกจากวงเงินสินเชื่อไม่เพียงพอคงเหลือถือหุ้น 24%
ราคาหุ้น SABUY เทขายจนดิ่งฟลอร์ 2 วัน (3 - 4 เม.ย.67) ยิ่งย้ำความกังวลใจด้านธุรกิจจากนี้ไปในทิศทางไหน
ตามผลประกอบการปี 2566 บริษัทรายงานมีรายได้รวม 9,629 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 80.27% จากปีก่อน มาจากทุกธุรกิจทั้งธุรกิจบริการ เพิ่มขึ้น 35% SPEED - SABUY Aliance - BzB - iSoftel และ Marketing Oops หรือรายได้ขายเพิ่มขึ้น 131% จาก SBNEXT - บัตรพลาสติก (PTECH) หรือ LOVLS เป็นต้น และรายได้บริการตามสัญญา และดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 59%
ปรากฏมีค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้นมากจนพลิกขาดทุนสุทธิ 317 ล้านบาท หรือลดลง 119% จากปีก่อน เฉพาะค่าใช้จ่ายดังกล่าวอยู่ที่ 2,734 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 131% จากปีก่อน เฉพาะไตรมาส 4 ปี 2566 อยู่ที่ 1,100 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 74% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
รายการก้อนใหญ่ประกอบด้วยการปรับโครงสร้าง 620 ล้านบาท จากธุรกิจที่เข้าไปลงทุน เช่น BzB –SBNEXT ,Outsourcing – LOVLS เป็นต้น การรับรู้ขาดทุนการลงทุนประกอบด้วย ขายเงินลงทุน 12% บริษัท เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ TKC และ 4% ในไตรมาส 1 ปี 2567 รวม 640 ล้านบาท
การตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญปี 2566 กลุ่มธุรกิจ SBNEXT จำนวน 140 ล้านบาท ในกลุ่มธุรกิจนี้ประกอบด้วย Alpine – Safe Trade และเธียรสุรัตน์ ลีสซิ่ง (TSRL) ดำเนินธุรกิจให้สินเชื่อลูกหนี้รายย่อย
ผลกระทบปรับโครงสร้างองค์กรลดพนักงานตามเป้าหมาย 35% ซึ่งดำเนินไปแล้ว 12% มีเป้าหมายที่ 200 - 250 ล้านบาท ปี 2567 การรับรู้ขาดทุนตีมูลค่าที่ดิน 43 ล้านบาท จากการเปลี่ยนแปลงบันทึกมูลค่า
และการลงทุนพัฒนาระบบไอที มีมูลค่าลงทุนประมาณ 150 - 200 ล้านบาท จะทยอยรับรู้ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2566 ซึ่งการทำรายการเพิ่มค่าใช้จ่ายมาจากบริษัทต้องการเพิ่มสภาพคล่องจึงลงเป็นรายการพิเศษเพียงครั้งเดียวในไตรมาส 4 ปี 2566
อย่างไรก็ตาม ด้านสินทรัพย์บริษัทเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 20,851 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.22% มาจากสินทรัพย์หมุนเวียนจากดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้น 860 ล้านบาท และ ที่ดิน อาคาร สินทรัพย์ไม่มีตัวตนเพิ่มขึ้น 926 ล้านบาท ด้านหนี้สินรวมที่ 9,884 ล้านบาท มาจากหุ้นกู้ และหนี้สินอื่นๆ
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์