วัดเกณฑ์คัดหุ้น SET50 -100 ลดข้อจำกัดวอลุ่มเปิดทางฟลีโฟลตต่ำ
ปรับเกณฑ์ใหม่สำหรับการใช้คัดเลือกหุ้นเข้าดัชนี SET50 และ SET 100 รอบที่จะใช้ครึ่งปีหลัง 2567 เป็นที่พูดถึงมากขึ้นถึงแนวโน้มหุ้นรายตัวที่จะมีโอกาสทั้งเข้ารอบคัดเลือกและหลุดจากการคัดเลือกแบบ “ หนุน”
หลังเกณฑ์ใหม่ตามประกาศของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)ประกาศออกมา ’แทบจะไม่ได้เขย่า’ หุ้นใหญ่ พื้นฐานดี ผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่ปล่อยหุ้น จนสภาพคล่องในตลาดมีจำกัด หนุนราคาหุ้นได้ง่าย ผ่านเกณฑ์ไปแบบไร้ข้อจำกัด และกลายเป็น ‘หุ้นดันดัชนี’ ไปในที่สุดจนเป็นต้นแบบที่หลายหุ้นอยากเอาอย่างบ้าง
โดย เกณฑ์เดิมที่ใช้ในปัจจุบัน กำหนดจากค่าตั้งต้น และปรับลดจนได้จำนวนหุ้นครบตามที่กำหนดโดยเริ่มจาก Trading value หรือ มูลค่าการซื้อขาย 50 % และลดได้ครั้งละ 5 % แต่ไม่น้อยกว่า 20 % ขณะที่ Turnover ratio หรือ ปริมาณการซื้อขายหุ้นเทียบกับปริมาณหุ้นจดทะเบียน เรียกง่ายๆ ว่าฟลีโลตที่มีในตลาดหุ้นเทียบกับวอลลุ่ม อยู่ที่ 2 % และลดได้ครั้งละ 0.5 % แต่ต้องไม่น้อยกว่า 1 %
ขณะที่ เกณฑ์ใหม่ที่ประกาศและอยู่ระหว่างรับฟังความคิดเห็น 11 เม.ย. – 26 เม.ย. 2567 ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าจะได้ใช้จริงตามมานั้น มีการกำหนดจากสภาพคล่องตามเดิม หากแต่ปรับปรุงวิธีการพิจารณาในลักษณะเดียวกับต่างประเทศ
โดยกำหนดเป็นค่า Minimum requirement ของหลักทรัพย์ที่จะผ่านคัดเลือก มี Trading value ไม่น้อยกว่า 25 % และ Turnover ratio ไม่น้อยกว่า 1 % ซึ่งกรณีได้จำนวนหลักทรัพย์ไม่ครบตามที่ดัชนีกำหนดสามารถปรับลดจำนวนเดือนที่ผ่านเกณฑ์สภาพคล่องได้ตามแนวทางที่กำหนด โดยทั้ง 2 เกณฑ์จะต้องไม่ต่ากว่าสัดส่วนดังกล่าวอย่างน้อย9 เดือน
ส่วนเกณฑ์เดิมที่ยังใช้คัดเลือกเหมือนเดิมคือ Market Cap หรือมูลค่าตลาดเฉลี่ย 3 เดือนอยู่ในลำดับสูงสุด 50 อันดับ และ 100 อันดับ และฟลีโฟลต ( Free Float) ที่ไม่น้อยกว่า 20%
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุถึงเกณฑ์เดิมต้องมีการปรับเพราะไม่สอดคล้องกับมูลค่าการซื้อขายในปัจจุบันที่ลดลงจากช่วงก่อนหน้าอย่างมาก ส่งผลทำให้ในรอบถัดไปที่จะประกาศกลางเดือน มิ.ย. 2567 ซึ่งจะทำให้หุ้นขนาดใหญ่ ที่มีคุณภาพดี แต่ Turnover Ratio ไม่ผ่านเกณฑ์จะถูกเข้าคำนวณ หรือไม่หลุดออกจากดัชนี SET50/SET100
จากการวิเคราะห์และรวบรวมข้อมูล 12 เดือน สำหรับพิจารณาคัดเลือกหุ้นในดัชนี SET50/SET100 จากการเปลี่ยนเกณฑ์ตามการประเมินเบื้องต้น โดยอ้างอิงข้อมูลตั้งแต่วันที่1มิ.ย.2566–17เม.ย.2567แล้วพิจารณาเฉพาะผลจากการปรับเกณฑ์ Turnover ratio ลงจาก 2% เหลือ1%
ดังนั้นจะส่งผลให้ หุ้น BJC ได้เข้ามาคำนวณในดัชนี SET50 และSET100 ซึ่งเป็นหุ้นขนาดใหญ่ลำดับที่ 34 ด้วย MarketCap. ราว 1 แสนล้านบาทหรือราว1%ของSET50ขณะที่ GULF และ INTUCH จะไม่หลุดจากดัชนี SET50/SET100 (เนื่องจากหากใช้เกณฑ์เดิมมีความเสี่ยงที่จะหลุดจากดัชนีSET50/SET100)
จากการคำนวณหุ้นที่มีโอกาสเข้า-ออกจากดัชนี SET50/SET100 สำหรับรอบครึ่งปีหลัง 2567 เบื้องต้นโดยใช้เกณฑ์ที่อาจจะมีการปรับเปลี่ยนใหม่ได้หุ้นที่มีโอกาสเข้า-ออกดัชนีSET50/SET100
ดังนี้ SET50 เข้าใหม่( เรียงจากโอกาสมากสุด-โอกาสน้อยสุด คือ BJC –BCP-TIDLOR-ITC ส่วนหุ้นที่คาดจะออก (เรียงจากโอกาสน้อยสุด-โอกาสมกสุด) คือ BANPU –SAWAD –KCE -COM7
SET100 เข้าใหม่ (เรียงจากโอกาสมากสุด-โอกาสน้อยสุด) คือ BJC –BA-CKP-QH-SKYส่วนหุ้นทึคาดจะออก(เรียงจากโอกาสน้อยสุด-โอกาสมากสุด) คือ ORI –SNNP-RCL-FORTH-TKN อย่างไรก็ตามข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้เนื่องจากข้อมูล MarketCap จะใช้คำนวณตั้งแต่วันที่ 1มี.ค. 2567 - 31พ.ค.2567
คำแนะนำลงทุน “ซื้อสะสม” BJC เพราะเป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากโครงการ DigitalWallet และมี MarketCap ขนาดใหญ่ซึ่งจะเป็นเป้าหมายของสถาบันทั้งในและต่างประเทศ