หุ้น KBANK นิวไฮรอบกว่า 3 เดือนแม้ไร้เงา GULF เป็นถือหุ้นใหญ่แล้ว

หุ้น KBANK นิวไฮรอบกว่า 3 เดือนแม้ไร้เงา GULF เป็นถือหุ้นใหญ่แล้ว

หุ้น KBANK แตะ 132 บาทอีกครั้ง นิวไฮรอบกว่า 3 เดือน ในระหว่างภาคเช้าวันที่ 30 เม.ย. 67 แม้ล่าสุดไม่ปรากฏรายชื่อ GULF ติดในผู้ถือหุ้นใหญ่แล้ว จากก่อนหน้านี้เคยถือครอง 20,542,400 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 0.87% ขณะที่นักวิเคราะห์ยังยกให้เป็นตัวเด่นประจำกลุ่ม

ผู้สื่อข่าวรายงานราคาหุ้น ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ในการซื้อขายระหว่างภาคเช้าวันนี้ (30 เม.ย. 67) เคลื่อนไหวในแดนบวกปรับเพิ่มขึ้นถึง 132 บาท บวก 2.50 บาท หรือ +1.93% จากวันทำการก่อน โดยราคาวันนี้ถือเป็นระดับราคาสูงที่สุดรอบกว่า 3 เดือนนับแต่ วันที่ 17 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา

ที่ผ่านมา KBANK ได้รับความสนใจจากผลประกอบการที่ออกมาดี ไตรมาส 1/2567 กำไรสุทธิ 3,486 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.65% เทียบไตรมาส 1/2566 นับได้ว่าผลงานสูงสุดในกลุ่มธนาคาร และยังมีประเด็นส่งเสริมเชิงจิตวิทยาหลังพบว่า บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF มีการเข้ามาถือจำนวน 20,542,400 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 0.87% ตามข้อมูลภาพรวมข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 14 มี.ค. 2567 ประเภท : XM ซึ่งผู้บริหาร GULF ยืนยันว่า เป็นเพียงการลงทุนเพื่อบริหารการเงินโดยอาจลดสัดส่วนการลงทุนหรือขายออกหากได้กำไร

ทว่าล่าสุด จากข้อมูลภาพรวมข้อมูลผู้ถือหุ้นธนาคารกสิกรไทย ณ วันที่ 23 เม.ย. 2567 ประเภท : XD ไม่ปรากฏรายชื่อ GULF ในรายการผู้ถือหุ้นใหญ่แล้ว ซึ่งเท่ากับว่า ได้มีการลดสัดส่วนการถือครองหุ้นลงเหลืออย่างน้อยต่ำกว่า 0.50% หรือขายทิ้งทั้งหมด

ด้านบทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ พาย ยังให้น้ำหนักการลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคาร “เท่ากับตลาด” โดยมี KBANK และ TTB เป็นหุ้นเด่น ทั้งนี้ธนาคารขนาดใหญ่ (BBL KBANK KTB SCB และ TTB) มีผลการดำเนินงานโดดเด่นกว่าธนาคารขนาดเล็ก แม้จะมีความท้าทายเพิ่มขึ้นเรื่องคุณภาพสินเชื่อ หลังจากเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้ากว่าคาด และความเสี่ยงจากความขัดแย้งในต่างประเทศ

อย่างไรก็ดี ธนาคารไทยมีพื้นฐานแข็งแกร่ง และตั้งสำรองหนี้ฯ สูงรองรับความไม่แน่นอนในอนาคต สำหรับในปี 2567 นี้ คาดกำไรสุทธิของกลุ่มธนาคารจะเติบโตชะลอตัวที่ 7.6% YoY เพราะการปรับลดลงของ NIM และค่าใช้จ่ายการดำเนินงานสูงขึ้น 

แต่มองว่า ROE จะสูงขึ้นได้ต่อเนื่องที่ 9.1% ในปี 2024 จาก 8.8% ในปีก่อน และอัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูงขึ้นเป็น 6.7% ตรงข้ามกับ Valuation ที่ลดลง และยังไม่แพงในมุมมองของฝ่ายวิเคราะห์