หุ้น PSL ราคาพุ่งแรง 8.92% กำไรออกฟื้นตัว 420% แตะ 409 ล้าน 'โบรกเกอร์' แนะเทรดดิ้งระยะสั้น
หุ้น PSL ราคาพุ่งแรง 8.92% หรือราคาเพิ่มขึ้น 0.70 บาท หรือระดับราคาอยู่ที่ 8.55 บาท หลังจากที่ผลประกอบการกำไรไตรมาส 1/67 ดีกว่าคาด ออกฟื้นตัว 420% แตะ 409 ล้านบาท 'โบรกเกอร์' แนะเทรดดิ้งระยะสั้น
ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยภาคเช้า ณ วันที่ 3 พ.ค.2567 หุ้น PSL หรือ บริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด (มหาชน) ปรับบวกขึ้นมาค่อนข้างแรงที่ 8.92% หรือราคาเพิ่มขึ้น 0.70 บาท หรือระดับราคาอยู่ที่ 8.55 บาท หลังจากที่ผลประกอบการกำไรไตรมาส 1/67 ดีกว่าคาด
วีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส เปิดเผยกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า หุ้น PSL มีการประกาศงบล่าสุดออกมา มีกำไรสุทธิฟื้นค่อนข้างแรง 66% QoQ และ 420% YoY ตามค่าระวางเรือฟื้นตัวขึ้นมา จากเรื่องของทะเลแดงเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา
โดยให้เป้าพื้นฐานอยู่ที่ 10.30 บาท เนื่องจากยังพอมีอัพไซด์ และราคาวันนี้มีการดีดขึ้นมาแรง แนะนำเทรดดิ้งระยะสั้นได้ เพราะค่าระวางปัจจุบันยังไม่ได้มีการปรับขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่มีการขึ้นมาช่วงปลายปีที่ผ่านมา และปรับตัวลงมา และขึ้นมาช่วงตรุษจีน และลงมาอีกครั้ง จึงเป็นลักษณะเทรดดิ้ง แนวต้านมองไว้ประมาณ 9 บาท
บริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSL แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า (มหาชน) บริษัท และบริษัทย่อย มีรายได้ต่อวันต่อลำเรือเฉลี่ยสำหรับไตรมาสแรกอยู่ที่ 12,433 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแสดงถึงผลการดำเนินงานของกองเรือของบริษัท ต่อวันต่อลำเรือเปรียบเทียบกับดัชนีค่าระวางเรือ ค่าใช้จ่ายในการเดินเรือต่อวันต่อลำเรือเฉลี่ยของบริษัท อยู่ที่ 5.379 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่าประมาณการที่บริษัท ตั้งไว้สำหรับปีนี้ที่ 5,200 ดอลลาร์สหรัฐต่อวันต่อลำเรือ และสูงกว่าค่าใช้จ่ายในการเดินเรือเฉลี่ยที่เกิดขึ้นจริงในช่วงไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้วที่ 5,231 ดอลลาร์สหรัฐต่อวันต่อลำเรือ บริษัทมีรายได้ก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อม (EBITDA) อยู่ที่ 20.18 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และบริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 1 1.39 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยกำไรสุทธิต่อหุ้นหน่วยเป็นเงินสกุลไทยบาทอยู่ที่ 0.26 บาทต่อหุ้น
สำหรับไตรมาสสิ้นสุด 31 มีนาคม 2567 บริษัท มีกำไรสุทธิรวม 409.48 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับกำไรสุทธิรวม 78.69 ล้านบาท สำหรับไตรมาสแรกของปี 2566 เหตุผลหลักของการเปลี่ยนแปลงมีดังนี้
1. รายได้จากการเดินเรือสุทธิ (รายได้จากการเดินเรือสุทธิจากรายจ่ายท่าเรือ และน้ำมันเชื้อเพลิง) สำหรับไตรมาสแรกปี 2567 สูงกว่ารายได้จากการเดินเรือสุทธิจากไตรมาสแรกปี 2566 คิดเป็นร้อยละ 32 รายได้เฉลี่ยต่อวันต่อลำเรือเพิ่มขึ้นจาก 10,022 ดอลลาร์สหรัฐ ในไตรมาสแรกปี 2566 เป็น 12,433 ดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสแรกปี 2567 กองเรือของบริษัท ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 มีจำนวน 37 ลำ
2. ค่าใช้จ่ายในการเดินเรือของไตรมาสแรกปี 2567 เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 เมื่อเปรียบเทียบกับตัวเลขในไตรมาสแรกปี 2566 สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม และสำรวจเรือ รวมถึงการอ่อนค่าของสกุลเงินบาทเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เมื่อพิจารณาเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐค่าใช้จ่ายในการเดินเรือเฉลี่ยต่อวันต่อลำเรือ (OPEX) (รวมค่าเสื่อม/ค่าใช้จ่ายตัดบัญชีสำหรับค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมและสำรวจเรือ) เพิ่มขึ้นจาก 5,231 ดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสแรกปี 2566 เป็น 5,379 ดอลลาร์สหรัฐ ในไตรมาสแรกปี 2567
3. ค่าใช้จ่ายทางการเงินสำหรับไตรมาสแรกปี 2567 เพิ่มขึ้นจำนวน 16.37 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับตัวเลขในไตรมาสแรกปี 2566 โดยสาเหตุหลักเนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย SOFR
4. กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับไตรมาสแรกปี 2567 อยู่ที่ 20.56 ล้านบาท โดยเหตุผลหลักมาจากการเปลี่ยนแปลงของมูลค่าที่เทียบเท่าในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐของหนี้สินสกุลเงินบาท
5. ในไตรมาสแรกปี 2567 บริษัทมีกำไร 51.15 ล้านบาท จากการขายเรือ 1 ลำ
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์