เช็ก ‘7 หุ้นโรงกลั่น-ปิโตรเคมี’ ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี 67 ‘IVL’ เจ็บหนักสุด

เช็ก ‘7 หุ้นโรงกลั่น-ปิโตรเคมี’ ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี 67 ‘IVL’ เจ็บหนักสุด

เช็ก ‘7 หุ้นโรงกลั่น-ปิโตรเคมี’ ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี 67 ‘IVL’ เจ็บหนักสุด ผลตอบแทนราคา YTD -13.76% "โบรกเกอร์" เผยครึ่งปีหลังเข้าสู่ฤดูหนาวเริ่มฟื้นตัวได้

หุ้นโรงกลั่นและปิโตรเคมี หนึ่งในหุ้นยอดนิยมของนักลงทุนบ้านเรา ซึ่งมีปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้องหลายประการ เช่น ระดับราคาน้ำมันดิบ สภาวะเศรษฐกิจ และวัฏจักรอุตสาหกรรม แต่ช่วงนี้กลายเป็นโรงกลั่นน้ำตาของนักลงทุน เพราะราคาปรับตัวลงอย่างมากในช่วง 1 เดือนที่เกิดสงครามตะวันออกกลาง และในช่วงตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา แม้หุ้นโรงกลั่นจะอยู่ในช่วงของการฟื้นตัวแต่ราคายังคงไม่ฟื้นมากนัก 

จักรพงษ์ เชวงศรี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย ให้ข้อมูลกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ราคาหุ้นโรงกลั่นปรับร่วงลงมาในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา เป็นผลมาจากค่าการกลั่นที่ประเทศสิงคโปร์จากเดิมที่ไตรมาส 1/67 เฉลี่ยอยู่ 7 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ปรับลดลงมาประมาณ 3 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และมาอยู่ที่ 4 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ส่งผลให้ราคาการซื้อขายน้ำมันไทยอ้างอิงปรับตัวลดลงค่อนข้างมีนัย  ซึ่งส่งผลให้โรงกลั่นของไทยในไตรมาส 2/67 ค่อนข้างจะปริ่มๆ หรือไม่ค่อยสดใสมากนัก ขณะที่ตั้งแต่ต้นปี 2567 ที่ผ่านมา ค่าการกลั่นค่อนข้างพีคอยู่ในช่วงเดือนม.ค.- ก.พ.2567 ยังคงต่อเนื่องในช่วงหน้าหนาวส่งผลให้ราคามีการปรับขึ้นไปได้บ้าง 

“กำไรจากสต็อกน้ำมันในไตรมาส 2/67 ดูเหมือนจะหายไป และถ้าราคาน้ำมันยังลงอย่างต่อเนื่อง จะเปลี่ยนค่าเป็นขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน ซึ่งจะมากดดันกำไรให้อ่อนแอลงไปมากได้ บวกกับของค่าเงินบาท มีการอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้หุ้นโรงกลั่นถูกเทขายออกมา”

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังเหตุการณ์น่าจะเริ่มดีขึ้น เพราะเป็นช่วงฤดูของการขับขี่ และเป็นช่วงฤดูหนาว ค่าการกลั่นน่าจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นมาได้บ้าง 

กิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า กลุ่มโรงกลั่นที่ปรับลดลงมาส่วนหนึ่งจากราคาก่อนหน้านี้มีการปรับขึ้นซึ่งสะท้อนภาพของการฟื้นตัวไปพอสมควร และสะท้อนราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นตามความขัดแย้งของสงครามตะวันออกกลาง แต่อย่างไรก็ตาม สงครามตะวันออกกลางได้ลดระดับความร้อนแรงลง รวมถึงค่าการกลั่นเริ่มมีการชะลอตัวลงด้วยเช่นเดียวกัน ส่งผลให้หุ้นโรงกลั่นมีแนวโน้มผลประกอบการครึ่งปีหลังจะชะลอตัวลง

หากถ้าไปดูค่าการกลั่นในปีนี้ที่ดีมากคือ ในช่วงไตรมาส 1/67 เฉลี่ยอยู่ที่ 7.3 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แต่พอมาในไตรมาส 2/67 เริ่มชะลอตัวลงเหลืออยู่แค่ 3.96 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพราะฉะนั้นที่จะเริ่มเห็นสัญญาณทั้งค่าการกลั่น และน้ำมันดิบจะส่งผลให้ประกอบการในไตรมาสถัดไปจะชะลอตัวลง

โดยแนะนำนักลงทุนว่า ในกลุ่มโรงกลั่นอาจจะต้องเลือกเป็นรายตัว โดยหุ้นที่มีโมเมนตัมของการเติบโตคือ BCP และ  BSRC เนื่องจาก BCP มีธุรกิจสำรวจ และผลิต และมีการเข้าไปสู่ธุรกิจน้ำมันเสาอากาศสัญญาณ รวมถึงมีการรวบงบของเอสโซ่เข้ามา จึงทำให้บางจากมีการเติบโตที่ดี 

ขณะที่ เอสโซ่หลังจากที่บางจากเข้ามาถือหุ้น และเปลี่ยนชื่อย่อเป็น BSRC ทำให้จากเดิมที่บางจากมีการซื้อน้ำมันสำเร็จจากต่างประเทศ พอมากลั่นผ่านจากเอสโซ่ทำให้การใช้กำลังการผลิตดีขึ้น ดังนั้นถ้าในกลุ่มโรงกลั่นจะมีแค่ 2 ตัวนี้ที่มีการเติบโตอย่างแท้จริง ขณะที่หุ้นโรงกลั่นอื่นอาจจะมีการไปขึ้นกับค่าการกลั่นค่อนข้างมาก

ทั้งนี้ “กรุงเทพธุรกิจ” ได้สำรวจหุ้นโรงกลั่น พบว่า ในช่วงตั้งแต่ต้นปีที่มาส่วนใหญ่เป็นลบ โดยเฉพาะหุ้น IVL ลบสูงสุดที่ 13.76% (ข้อมูลตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ณ 3 พ.ค.2567)

เช็ก ‘7 หุ้นโรงกลั่น-ปิโตรเคมี’ ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี 67 ‘IVL’ เจ็บหนักสุด

1.บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส หรือ IVL 

  • ผลตอบแทนราคา YTD -13.76% 
  • ผลตอบแทนราคา 20 วัน -6.00%
  • อัตราเงินปันผลตอบแทน YTD 3.94% 
  • P/E Ratio  - เท่า
  • ราคาปิด ณ 3 พ.ค.67 ที่ 23.40 บาท 
  • มาร์เก็ตแคป 131,941 ล้านบาท

2.บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล  หรือ PTTGC 

  • ผลตอบแทนราคา YTD -7.14% 
  • ผลตอบแทนราคา 20 วัน -11.18%
  • อัตราเงินปันผลตอบแทน 2.10% 
  • P/E Ratio 161.33 เท่า
  • ราคาปิด ณ 3 พ.ค.67 ที่ 35.75 บาท 
  • มาร์เก็ตแคป 161,191 ล้านบาท

3.บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น หรือ BCP 

  • ผลตอบแทนราคา YTD -6.90% 
  • ผลตอบแทนราคา 20 วัน -10.00%
  • อัตราเงินปันผลตอบแทน 4.94% 
  • P/E Ratio 4.21 เท่า
  • ราคาปิด ณ 3 พ.ค.67 ที่ 41.50 บาท 
  • มาร์เก็ตแคป 55,765 ล้านบาท

4.บมจ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง หรือ SPRC

  • ผลตอบแทนราคา YTD -6.06% 
  • ผลตอบแทนราคา 20 วัน -12.43%
  • อัตราเงินปันผลตอบแทน -% 
  • P/E Ratio  -เท่า
  • ราคาปิด ณ 3 พ.ค.67 ที่ 7.85 บาท 
  • มาร์เก็ตแคป 33,603 ล้านบาท 

5.บมจ.ไออาร์พีซี หรือ IRPC 

  • ผลตอบแทนราคา YTD -3.96% 
  • ผลตอบแทนราคา 20 วัน +0.52%
  • อัตราเงินปันผลตอบแทน 1.55% 
  • P/E Ratio  -เท่า
  • ราคาปิด ณ 3 พ.ค.67 ที่ 1.94 บาท 
  • มาร์เก็ตแคป 39,642 ล้านบาท

6.บมจ.ไทยออยล์ หรือ TOP 

  • ผลตอบแทนราคา YTD -0.93% 
  • ผลตอบแทนราคา 20 วัน -9.75%
  • อัตราเงินปันผลตอบแทน 6.38% 
  • P/E Ratio 6.12 เท่า
  • ราคาปิด ณ 3 พ.ค.67 ที่ 54.00 บาท 
  • มาร์เก็ตแคป 118,952 ล้านบาท

7.บริษัท บางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) หรือ BSRC

  • ผลตอบแทนราคา YTD +1.18% 
  • ผลตอบแทนราคา 20 วัน -17.31%
  • อัตราเงินปันผลตอบแทน 2.91% 
  • P/E Ratio 13.90 เท่า
  • ราคาปิด ณ 3 พ.ค.67 ที่ 8.60 บาท
  • มาร์เก็ตแคป 29,763 ล้านบาท 
     

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์